การประยุกต์ใช้การบัญชีเชิงนิติวิทยาศาสตร์ในธุรกิจเอสเอ็มอี

เจ้าของหรือผู้บริหารธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นในกลไกของการบัญชีเชิงนิติวิทยาศาสตร์ จะมีประโยชน์ในการป้องกันการทุจริตก่อนเกิดขึ้น การปรับปรุงนโยบายธุรกิจและกระบวนการทำงานให้ดีขึ้น ช่วยแก้ไขข้อขัดแย้งภายในหรือคดีความทางกฎหมายต่อธุรกิจ สร้างความโปร่งใสทางการเงิน และเสริมสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีในวงการธุรกิจ

ตัวอย่างที่อาจเกิดขึ้นได้ในธุรกิจและการประยุกต์ใช้การบัญชีเชิงนิติวิทยาศาสตร์มาแก้ไขปัญหา อาจได้แก่

การตรวจจับพฤติกรรมทุจริตของพนักงาน เช่น กรณีเจ้าของหรือผู้บริหารพบว่าในขณะที่ธุรกิจกำลังดำเนินไปด้วยดี แต่เริ่มสังเกตเห็นว่ากระแสเงินสดเริ่มมีสภาวะฝืดเคือง ผิดจากธรรมชาติทางธุรกิจโดยปกติ ด้วยหลักการทางบัญชีเชิงนิติวิทยาศาสตร์ ทำให้เจ้าของกิจการ สืบสวนพบว่าเกิดจากหัวหน้าฝ่ายคลังสินค้าที่มีอายุงานยาวนานกับบริษัทจนได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารสูง ทุจริตทำใบเบิกสินค้าปลอมและแอบนำสินค้าไปจำหน่ายเอง ซึ่งตรวจพบได้จากการกระทบรายการยอดขายกับรายงานสินค้าคงคลังประจำงวด

การทุจริตเกี่ยวกับการจ้างงาน ในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะขาลง ทำให้ยอดขายลดลงแต่ภาวะค่าใช้จ่ายยังสูงเหมือนเดิม เจ้าของกิจการอาศัยหลักการบัญชีเชิงนิติวิทยาศาสตร์ ตรวจสอบบัญชีการเบิกจ่ายเงินเดือน พบว่า มีการจ่ายค่าจ้างไม่ตรงกับจำนวนคนงาน ที่เกิดจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีการเงิน ที่ทำบัญชีคนงานปลอมและนำเงินค่าแรงคนงานเหล่านั้นไปเข้าบัญชีของตนเอง

ปัญหาระหว่างหุ้นส่วนหรือการร่วมลงทุน เอสเอ็มอีที่มีธุรกิจแบบหุ้นส่วนหรือร่วมลงทุน มักจะเกิดปัญหาความระแวงต่อหุ้นส่วนธุรกิจ โดยเฉพาะในกรณีที่ตัวเองไม่ได้เข้าไปดูแลธุรกิจส่วนนั้นอย่างใกล้ชิด อาจใช้ทักษะทางการบัญชีเชิงวิทยาศาสตร์มาช่วยป้องกันการรั่วไหลหรือการไม่ปฏิบัติตามข้อสัญญาในการแบ่งปันรายได้ เช่น การเสนอให้มีการใช้ที่ปรึกษาอิสระมาตรวจสอบบัญชี การให้ทำรายงานทางการเงินพิเศษ เช่น การกระทบยอดบัญชีธนาคารกับใบรับเงิน หรือสัญญาซื้อขายกับลูกค้า เป็นต้น มีหลายกรณีที่มีการเปิดบัญชีธนาคารที่ไม่เป็นไปตามสัญญา เพื่อรับเงินบางส่วนจากรายได้ตามสัญญา โดยที่หุ้นส่วนธุรกิจไม่รับทราบ

ความน่าเชื่อถือของธุรกิจเพื่อเข้าทำสัญญากับหน่วยงานภาครัฐ การเข้าร่วมประมูลงานจากภาครัฐ หรือการทำข้อเสนอเพื่อขอรับเงินทุนช่วยเหลือจากภาครัฐ หากมีการนำแนวคิดของการบัญชีเชิงนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ในการจัดทำร่างสัญญา หรือข้อเสนอการสนับสนุนจากภาครัฐมาเป็นข้อมูลประกอบ เช่น การวิเคราะห์ความเสี่ยงทางการเงิน การวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค การมีประกาศวิสัยทัศน์ จริยธรรมและจรรยาบรรณของธุรกิจ และนำเสนอหลักปฏิบัติทางการเงินและการปฏิบัติตามข้อกฎหมาย ฯลฯ นอกจากจะเป็นแนวทางของการทำธุรกิจสมัยใหม่แล้ว ยังจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจ

การก้าวข้ามระบบบัญชี 2 เล่ม ธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจเอสเอ็มอี มักจะถูกเพ่งเล็งจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่ายถึงเรื่องการทำบัญชี 2 เล่ม การนำหลักบัญชีเชิงนิติวิทยาศาสตร์มาใช้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับธุรกิจที่จะหันมาใช้หลักการทำบัญชีที่ถูกต้องเหลือเพียงเล่มเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกล่าวหาทางกฎหมาย การถูกดำเนินคดีกับผู้บริหารหรือเจ้าของธุรกิจทั้งทางแพ่งและทางอาญา และยังอาจทำให้การทำธุรกรรมทางการเงินหรือการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินมีปัญหาหรือถูกปฏิเสธได้

กล่าวโดยสรุป เจ้าของหรือผู้บริหารธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีทักษะด้านการบัญชีเชิงนิติวิทยาศาสตร์ จะช่วยป้องกันธุรกิจของตนเองได้จากการทุจริตก่อนที่จะเกิดขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพทางการเงิน มีระบบควบคุมกระบวนการภายใน หลีกเลี่ยงการเกิดความขัดแย้งเกี่ยวกับการเงินกับหุ้นส่วนหรือพนักงาน สร้างความโปร่งใสทางการเงิน 

และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีของธุรกิจ ได้อีกทางหนึ่งด้วย!!??!!