‘เนสท์เล่’ เคลื่อนธุรกิจปี 67 หนุนทุกแบรนด์โต ประหยัดต้นทุน ตรึงราคาสินค้า

‘เนสท์เล่’ เคลื่อนธุรกิจปี 67  หนุนทุกแบรนด์โต ประหยัดต้นทุน ตรึงราคาสินค้า

ตลาดสินค้าจำเป็นหรือ FMCG มีหลากหลายหมวดหมู่ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ของใช้ในครัวเรือน ฯ ซึ่งท่ามกลางเศรษฐกิจ กำลังซื้อในปัจจุบัน ผู้ประกอบการมองโอกาส เทรนด์ผู้บริโภค และวางแผนธุรกิจอย่างไร

“เนสท์เล่” ยักษ์ใหญ่ระดับโลก เคลื่อนธุรกิจในไทย 130 ปี มีสินค้าตอบโจทย์ผู้บริโภคครัวเรือนไทยหลายแบรนด์ เช่น เนสกาแฟ ไมโล น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ฯ ยังมองสินค้าจำเป็นปี 2567 จะปรับตัวดีขึ้น โดย วิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า ฉายภาพว่า ปัจจัยที่จะเสริมความมั่นใจให้กับผู้บริโภคปีนี้ คือการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว จากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น การส่งออกขยายตัว ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย(จีดีพี)

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ กำลังซื้อจากภาครัฐ ที่จะอัดฉีดเงินเข้าระบบ เติมเงินในกระเป๋าให้กับผู้บริโภคที่มีรายได้น้อย จะช่วยเกื้อหนุนตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคปี 2567 ให้เติบโตสอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจของประเทศที่จะขยายตัวด้วย

ด้านเทรนด์ผู้บริโภคชาวไทยในปี 2567 การใส่ใจสุขภาพ ให้ความสำคัญดูแลสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีแบบองค์รวมมากขึ้น ส่งผลให้มองหาสินค้าตอบโจทย์ทั้งชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงด้านจิตใจและสังคมด้วย

“จะเห็นผู้บริโภคเลือกการกินอยู่อย่างสมดุลหรือ balanced diet โดยมีการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพแต่ก็เผื่อที่ไว้ให้กับการทานของหวานที่เป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย ที่สำคัญอาหารต้องมีรสชาติอร่อยถูกปาก”

นอกจากนี้ จะเห็นเทรนด์การกลับไปใช้ชีวิตเหมือนก่อนโควิด-19 คือไลฟ์สไตล์ความเร่งรีบ ชีวิตยุ่ง และมองหาสินค้าที่ตอบสนองความสะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิม ด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยเฉพาะเอไอที่ชาญฉลาดหรือ Generative AI ยังทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ทั้งวิธีการเลือกผลิตภัณฑ์ การซื้อสินค้า และการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ รวมถึงเทรนด์การใช้สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เห็นภาพชัดเจนขึ้นต่อเนื่อง

“ผู้บริโภคชาวไทยต้องการสนับสนุนแบรนด์ที่มีความยั่งยืน และคาดหวังกับแบรนด์มากยิ่งขึ้นในด้านของจริยธรรมและมีความโปร่งใส”

จากเทรนด์ข้างต้น “เนสท์เล่” วางแนวทางสร้างการเติบโตต่อเนื่อง ผ่านกลยุทธ์ต่างๆดังนี้ 1.การขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค หรือ “Good for You” มุ่งคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติอร่อยและดีต่อสุขภาพผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย 2.ลุยสร้างสรรค์สิ่งดีๆเพื่อโลกหรือ “Good for the Planet”เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์และการดําเนินงานของเนสท์เล่มีความยั่งยืน

3.การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลหรือ digital transformation ในทุก ๆ ด้านของการดำเนินธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินธุรกิจและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า การนำาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เสริมแกร่งกลยุทธ์การตลาด เข้าถึงความต้องการเชิงลึกของผู้บริโภคหรืออินไซต์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (data-driven insights) เพื่อนำเสนอและจัดแคมเปญการตลาดให้ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละบุคคลมากขึ้น

“เนสท์เล่เราจะนำเทคโนโลยีขั้นสูงรวมถึง เอไอมาใช้ในส่วนงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การผลิต การบริหารซัพพลายเชน การขาย และการเงิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและประหยัดต้นทุนมากขึ้น”

ด้านผลิตภัณฑ์เรือธงปี 2567 ยังคงให้ความสำคัญกับทุกหมวดไม่ว่าจะเป็นกาแฟ “เนสกาแฟ” สินค้าโภชนาการเด็ก ผลิตภัณฑ์นม น้ำดื่ม อาหาร และไอศกรีม ฯ ล่าสุด เนสกาแฟ ยังทุ่มงบประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อลุยแคมเปญ “NESCAFÉ Make Your World” ใหญ่สุดในรอบทศวรรษ ขานรับการมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดรอบ 5 ปี และยังปลุกโลกคอกาแฟชาวไทย ควบคู่การรุกตลาดกาแฟมูลค่ากว่า 8 หมื่นล้านบาท

สำหรับความท้าทายในการขับเคลื่อนธุรกิจปี 2567 “วิคเตอร์” มองสถานการณ์ “ต้นทุน” ของสินค้าโภคภัณฑ์(Commodity) และราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนผลกระทบของเศรษฐกิจโลก ทำให้บริษัทต้อง “มีความยืดหยุ่น” สร้างความคล่องตัว เพื่อพร้อมปรับตัวรับตัวแปรต่างๆ

“เนสท์เล่ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ในราคาที่ลูกค้าซื้อหาได้ หรือ affordability บริษัทพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อจะตรึงราคาสินค้าเอาไว้ โดยหาวิธีการประหยัดต้นทุนเท่าที่เป็นไปได้ตลอดห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมด เพื่อให้เราสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ในราคาที่คุ้มค่าสุดแก่ผู้บริโภคชาวไทย”

 นอกจากนี้ ระยะยาววิกฤติการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากศจะก่อให้เกิด “ความเสี่ยง” ต่อความมั่นคงทางอาหาร การมีอาหารเพียงพอสำหรับทุกคน ซึ่งเป็นปัจจัยทำให้บริษัทเร่งดำเนินโครงการด้านความยั่งยืนต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2573 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมแนวทางเกษตรเชิงฟื้นฟู (regenerative agriculture)

“ปี 2567 เชื่อว่าจะเป็นอีกปีที่ดี ที่เนสท์เล่จะผลักดันสินค้าด้านโภชนาการ สุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดี มุ่งด้านความยั่งยืนในประเทศไทย จากปี 2566 ถือเป็นปีประวัติศาสตร์สำคัญของ เนสท์เล่ ประเทศไทย ที่เคลื่อนธุรกิจครบ 130 ปี ในการส่งต่อสิ่งดีๆ และสร้างคุณค่าให้ผู้บริโภค สังคมและสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย"