เจาะฝันวัยเด็ก ทายาท-นักธุรกิจ 'มาม่า-นันยาง-ร้านเพชร-อินทีเรียดีไซน์’

เด็กวันนี้ ล้วนจะต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันหน้า ขณะที่ผู้ใหญ่วันนี้ ต่างผ่านช่วงเวลาเยาว์วัย เป็นเด็กน้อย เฉกเช่นกัน

กรุงเทพธุรกิจ ชวนผู้อ่านไป ย้อนวัย ทวบทวน “ความฝัน” ของบรรดาผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพของตัวเอง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคน ที่มีความฝันตั้งแต่เป็นเด็ก เพื่อจะได้เตรียมตัว วางแผนให้กับตนเอง ขณะเดียวกัน “ผู้ใหญ่” ที่ผ่านร้อนหนาวมาหลายปี มีอะไรที่อยากแนะนำ ฝากถึงน้องๆหนูบ้าง ติดตาม

• แม่ทัพการตลาด "นันยาง" ฝันอยากขายไอติม

“นันยาง” ไม่เพียงเป็นแบรนด์เก่าแก่ 70 ปี แต่ยังเป็นสินค้าวัยเก๋า ที่ต้องทำตลาดเกาะกลุ่มเด็กนักเรียนแต่ละช่วงอายุด้วย

ปัจจุบัน “นันยาง” มีทายาทขับเคลื่อนธุรกิจ และหนึ่งในนั้นคือ “จั๊ก จักรพล จันทวิมล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด และยังเป็น ผู้อำนวยการสำนักการตลาด

บริษัท ซีคอนดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรืออาณาจักรค้าปลีก “ซีคอนสแควร์” นั่นเอง

“จักรพล” ถือเป็นแม่ทัพการตลาด ที่พาแบรนด์ “นันยาง” สร้างผลงานโดดเด่นอย่างมาก โดยเฉพาะแคมเปญการตลาด กิจกรรมต่างๆ ที่ไม่เพียงทำให้แบรนด์เก๋าไม่เก่าตามวัย แต่สดใสเป็นวัยรุ่นอยู่เสมอ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย และสร้างเอนเกจเมนต์ไม่ให้ห่างหายจากใจผู้บริโภค(Top Of Mind)

หลายแคมเปญเปญเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น นันยางเรด เอาใจสาวกลิเวอร์พูล ช้างดาวพริ้งค์ โกยคะแนนจากเหล่า BLINK พร้อมสร้างยอดขายแบบไม่ต้องมีสต๊อกเหลือค้าง หรือนันยางขยะ รองเท้ารักษ์โลก ที่รับเทรนด์ความยั่งยืน เป็นต้น

สำหรับชีวิตวัยเด็กของ “จักรพล” มองตัวเองเป็นคนชอบทำกิจกรรมมากกว่าเรียน เป็นเด็กหลังห้อง เพราะวิวดี มองเห็นภาพกว้างของทั้งห้องเรียน ที่สำคัญเป็น “เด็กดี” ที่ชอบมีคำถามและความคิดที่แตกต่าง จึงไม่แปลกที่ “เจ้าแห่งไอเดีย” จะนำไปสู่การสร้างผลงานการตลาดให้เป็นที่ประจักษ์

คำขวัญวันเด็กแห่งชาติจาก "นันยาง"

เมื่อก้าวสู่การเป็นทายาทธุรกิจ ทำให้ต้องสวมบทบาทเป็น “นักธุรกิจ” เต็มขั้น เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้ประสบความสำเร็จ สร้างการเติบโตแก่อาณาจักรครอบครัว หากถามถึงความฝันวัยเด็ก “ จักรพล” อยากเป็นอะไร คำตอบคือ

“อยากขายไอติมรถเข็น เพราะตอนเด็กซื้อที่หน้าบ้านทุกวัน”

ทุกช่วงวัยสำคัญ มีคุณค่าแตกต่างกันไป ทว่า สิ่งล้ำค่าสุดตอนเป็นเด็ก “จักรพล” ยกให้ “การมีความสุขในเรื่องเล็กๆ การได้รู้สิ่งใหม่ในทุกๆนาที การเป็นที่รักของทุกคน”

เพราะเด็กต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ในฐานะนักธุรกิจ นักการตลาด “จักรพล” มีคำแนะนำแก่เด็ก และคนรุ่นใหม่ คือ ควรใช้เวลา....การมองและทำกิจกรรม “'นอกจอ” การกินดี นอนดี ออกกำลังดี ไม่เปรียบเทียบ ไม่แข่งขัน ไม่บูลลี่ จะเป็นพื้นฐานให้ร่างกายและจิตใจดี

ที่สำคัญ “ถ้าใส่นันยางด้วยก็ยิ่งดี” สมกับแม่ทัพการตลาดจริงๆ

• ทายาทหมื่นล้าน “มาม่า” จากเด็กแหกทุกกฎ เรียนกฏหมาย บริหารธุรกิจ

ห้าวตั้งแต่วัยเด็ก อาจบ่งบอกตัวตนของ “พันธ์ พะเนียงเวทย์” ทายาทของอาณาจักรบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหมื่นล้านบาท “มาม่า” ในฐานะผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFMAMA

“มาม่า” เป็นแบรนด์บะหมี่ฯเบอร์ 1 ครองตลาดในไทยแข็งแกร่ง ปัจจุบันธุรกิจดำเนินมากว่า 50 ปีแล้ว มีการส่งไม้ต่อจากรุ่นแรกสู่ “ทายาท” หลากหลายชีวิต

“พันธ์” เข้ามาสานต่อกิจการมาม่า เมื่อปี 2542 และยังมีพ่อ “พิพัฒ พะเนียงเวทย์” ที่เปรียบเสมือนกุนซือถ่ายทอดคัมภีร์บริหารให้ด้วย เพราะในการสำรวจตลาดยัง ดูงานต่างประเทศ ยังต้องเรียนรู้เคล็ดวิชาจากพ่ออยู่ แม้กระทั่งงานแถลงข่าวสำคัญ “พ่อ” ยังยืนมองดูลูกๆทำงานอยู่เสมอ

หากย้อนชีวิตวัยเด็ก “พันธ์” เล่าว่า ตัวเองเป็นเด็กเกเรพอตัว “แหกทุกกฏระเบียบ” ทว่า ชีวิตวัยเรียน โดยเฉพาะมหาวิทยาลัย กลับเรียนกฏหมาย แล้วเส้นทางทำงานกลายเป็น “นักธุรกิจ” ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่ทำให้ “อยู่ในร่องในรอยมากขึ้นเรื่อยๆ(มั้ง)” เจ้าตัวเล่าติดตลก

พันธ์ พะเนียงเวทย์ ฝันอยากเป็นนายกรัฐมนตรี

แม้เป็นนักธุรกิจ แต่วัยเด็ก “พันธ์” มีความฝันอยากเป็น “นักดนตรี” และ “นายกรัฐมนตรี” เหตุผลเพราะ “มันเท่ดี”

เวลาเดินหน้าไปทุกวัน หากแนะนำเด็ก คนรุ่นใหม่ได้ การรักษาความเป็นเด็กการใช้ชีวิตให้เต็มที่กับช่วงชีวิตแต่ละวัยของตัวเอง ทำหน้าที่ให้ดีสุด เป็นสิ่งล้ำค่ามาก ขณะเดียวกัน ฝากถึงเด็กว่า

“การต้องอดทน ทนกับความเบื่อ ทนกับกฎระเบียบ ทนกับคำตักเตือนต่างๆ และเอาชนะสิ่งล่อใจที่นับวันจะเยอะขึ้นเรื่อยให้ได้” เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เด็กก้าวไปสู่ความสำเร็จเบื้องหน้า ส่วนความสำเร็จของตัวเอง ยังถ่อมตนว่า “ทุกวันนี้ก็ทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย คงยังห่างไกลกับคำว่าประสบความสำเร็จ”

• ความสำเร็จไม่มีทางลัด แต่เกิดจากทุ่มเทเกินร้อย

หนึ่งในเด็ก นักศึกษาที่เรียนจบเพียง 3 วัน ได้งานทำ และกรำงานหนัก 10 ปีแบบไม่หยุดจนเกือบหมดไฟ ต้องยกให้ “จือ ณัฎฐา สุนทรวิเนตร์” ผู้ก่อตั้ง บริษัท ดับเบิ้ล วี สเปซ จำกัด” (Double V Space) ควบตำแหน่ง Design Director

“ณัฎฐา” อาจมีนามสกุลดัง และยังเป็นหลานของ วิทวัส สุนทรวิเนตร์ พิธีกรแถวหน้าของเมืองไทย ซึ่งความสำเร็จก้าวสู่การเป็นมัณฑนากรหรือ Interior design ที่มีลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์หรู(ลักชัวรี)ประเภทต่างๆ ทั้งโรงแรม บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน ค้าปลีก ร้านอาหาร ฯ ไม่ได้เกิดจากต้นทุนตระกูลดัง แต่ล้วนมาจากการทำในสิ่งที่รัก ความมุ่งมั่น ตั้งใจเต็มร้อยให้กับลูกค้า ยึด “ความต้องการภายในใจ” หรือ Inside out เป็นสำคัญ ไม่ใช่มองจากมุมของมัณฑนากรหรือ Outside in เป็นที่ตั้ง

ในยุคที่ “คนรุ่นใหม่” ยากเป็นนักธุรกิจ เจ้าของกิจการ หรือ entrepreneur “ณัฎฐา” เป็นต้นแบบที่น่าสนใจ เพราะเส้นทางทำงานจากลุยเดี่ยว หรือ Solo อินทีเรียร์ดีไซน์ วันนี้สร้างอาณาจักรธุรกิจย่อมๆ Double V Space ที่รับงานลูกค้าได้หลายโปรเจคต่อปี และก้าวต่อไป ยังเตรียมขยายการเติบโตสู่การเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพยหรือดีเวลลอปเปอร์ด้วย

คอนเทนต์ ครีเอเตอร์ อีกบทบาทที่เด็ก คนรุ่นใหม่อยากเป็น

สวมหมวกหลายใบทั้งเจ้าของ นักธุรกิจ อินทีเรียดีไซน์ และเป็นนักสร้างสรรค์คอนเทนต์(คอนเทนต์ ครีเอเตอร์) ให้ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบ ตกแต่งภายในแล้ว แต่ความฝันวัยเด็กของ “ณัฎฐา” กลับอยากเป็น “นางฟ้า” แอร์โฮสเตส หรือพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน(Flight attendant) เหตุผลตรงใจผู้หญิงหลายคน

“รู้สึกแอร์สวย(ทำเสียงลากยาว) ได้แต่งหน้า แต่งตัว แอร์ทุกคนก็ใจดี แล้วได้เดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ”

วัยเด็กที่ทุ่มเทเรียนหนัก เพื่อประสบความสำเร็จในเส้นทางทำงาน “ณัฎฐา” มองสิ่งล้ำค่าสุดในช่วงดังกล่าว คือคุณแม่

“คุณแม่เหมือนเพื่อนสนิท จือมีเพื่อนไม่เยอะ แต่กลับบ้านมาจะได้เมาท์(มอย)ปรึกษากับคุณแม่ทุกเรื่อง”

จากเด็ก เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ชีวิตประสบความสำเร็จหรือยัง เธอตอบว่า “เรายังเรียนรู้อยู่ทุกวัน” ผ่าน ประสบการณ์ทั้งของตัวเองและของคนอื่นสอนให้เป็นคนที่เก่งขึ้น

“การใฝ่รู้จากคนเก่งรอบตัว และค้นคว้าหาข้อมูล ช่างสังเกตการเปลี่ยนแปลง และเราจะแพ้คนอื่นถ้าเรายอมแพ้ ดังนั้นค่อยๆก้าว ก้าวไปข้างหน้าและขยันเป็นสิ่งที่คุณพ่อสอนให้เป็นมาตั้งแต่เด็ก”

• ศัลยแพทย์ หนี้ สู่นักลงทุนไวน์ นาฬิกา เซียนพระ

ยุคนี้คนรุ่นใหม่อยาก "รวยทางลัด" ผ่านการเป็นนักลงทุนต่างๆ หนึ่งในต้นแบบของนักลงทุนรุ่นใหม่ที่น่าสนใจคือ “ต้น หลังวัง” ฉายาที่พ่อตั้งให้ และอาจเป็นที่รู้จักกันในวงการเซียนพระ

ทว่า ตัวตนของ “ต้น ณัฐกร เอื้ออมรรัตน์” คือทายาทคนโตของธุรกิจผลิตเครื่องรูปพรรณ “เพชร” พลอย ในฐานะซีอีโอ หรือประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เกียรติ อินเตอร์เนชันแนล จำกัด บริษัท สยามเวลล์จิวเวลรี่ แมนูแฟคเจอเรอร์ จำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด เกียรติรัตน์ เจมส์

ธุรกิจ “เพชร” ยั่งยืนมา 45 ปีแล้ว จากพ่อผู้ก่อตั้ง ดึงทายาทให้ช่วยบริหารสร้างการเติบโต แต่เส้นทางของการทำธุรกิจของ “ณัฐกร” ไม่ได้เริ่มจากศูนย์แต่ออกสตาร์ทด้วยสถานการณ์ “ติดลบ” เพราะกิจการเป็นหนี้หลัก “ร้อยล้านบาท”

เรียนจบด้านบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ (MBA) จากมหาวิทยาลัยระดับท็อปของสหรัฐ University of California กลับมาไทย ได้ลองวิชาทันที เพราะการเป็น “หนี้” ทำให้ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อพลิก “ขาดทุน” ให้เป็นศูนย์ แล้วนับหนึ่งก้าวสู่การทำ “กำไร”

"ต้น หลังวัง" ฉายาที่พ่อตั้งให้ในวงการเซียนพระ 

ปลดล็อกปมปัญหากกิจการครอบครัว จึงลุยทำสิ่งที่รักโดยเฉพาะการลงทุนหรือ Passion Investment กับ “นาฬิกา-ไวน์-พระเครื่อง” ปัจจุบันยังปลูกผักให้ครอบครัวที่รักได้ทานด้วย

วันนี้ต้องบริหารธุรกิจ ต้องลงทุนกับสิ่งที่รัก แต่ถ้าย้อนวัยเด็กของ “ณัฐกร” สิ่งที่ทำปัจจุบันไม่ใช่สิ่งที่ฝันไว้

“ตอนเด็ก ผมอยากเป็นหมอผ่าตัดครับ เป็นศัลยแพทย์ อยากผ่าตัดโยกย้ายอวัยวะช่วยคน และคิดค้นอะไรใหม่ๆให้กับวงการแพทย์”

เรื่องราวช่วงวัยรุ่น หรือแม้แต่ต้อนเด็กอาจมีความห้าวอยู่บ้าง หากมองตัวเอง “ณัฐกร” เล่าพร้อมเสียงหัวเราะว่าวัยเด็กไม่ได้เป็นคนเกร แต่ก็ไม่ใช่เด็กเรียน ค่อนข้างจะ “ชอบเพ้อฝัน”

ผ่านร้อนหนาวมามาก มองไปวัยเด็ก อยากให้น้องๆรักษาช่วงเวลาล้ำค่าของตัวเองไว้ โดยเฉพาะ “ความฝันและจินตนาการ” เพราะเด็กทุกคนต้องมีความฝันและจินตนาการ ผู้ใหญ่ไม่ควรขัดขวาง กลับกันควรให้คำแนะนำและสนับสนุนเขาให้ความฝันและจินตนาการของเค้าไปในทางที่ดีที่ดีที่ควร

ณัฐกร มองตัวเองเป็นนักธุรกิจ นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จไม่มากนัก

“ผมประสบความสำเร็จในระด้บหนึ่ง ผมไม่เคยวัดตัวเองนะ แต่รู้แต่ว่าเรามีทุกอย่างอย่างที่ตั้งใจไว้จริงๆแล้ว คนเรามีหนังสือมากกว่าหนึ่งเล่ม ประสบความสำเร็จเรื่องนี้ ก็จะเขียนเรืองอื่นให้จบต่อ ยังคงเรียนรู้ในหลายเรื่อง ผมชอบตัวเองตรงนี้ ที่ไม่หยุดเรียนรุ้ และชอบฟังเด็กรุ่นหลังในเรื่องต่างๆ one race doesn’t make a winner.”

ทั้งนี้ หากแนะนำเด็กที่จะเติบโตในวันหน้า อยากก้าวสู่ความสำเร็จในชีวิต การ “มีวินัย” สำคัญเพราะคำนี้ จะรวมถึง ความสม่ำเสมอ ความขยัน ความมีสมาธิกับสิ่งที่ทำ ความไม่ยอมแพ้

“ที่สำคัญวินัยคือการให้เกียรติตนเอง ให้ตนเองมีจิตใจที่สูงขึ้นด้วย ดังนั้นคำว่า..วินัย..จึงเปรียบเสมือนเสาหลักต้นใหญ่ ที่จะรองรับเสาและคานต่างๆ ในอนาคต ถ้าขาดวินัยแล้ว สิ่งที่ทำจะไม่สำเร็จ และ อาจไม่ยั่งยืน”

อ่านเพิ่มเติม 

นันยาง 70 ปี เก๋า! แต่ไม่เคยเก่า

วิชั่นทายาท "มาม่า"

เส้นทางนักธุรกิจรุ่นใหม่ "ณัฎฐา สุนทรวิเนตร์"

'ณัฐกร' พลิกธุรกิจติดลบ สู่นักลงทุนไวน์ นาฬิกา พระเครื่อง

เด็กวันนั้น เป็นเศรษฐีร้อยล้านวันนี้