‘ไทย-จีน’ เว้นวีซ่าดันท่องเที่ยว จับตาจุดเปลี่ยน ‘ตรุษจีน’ ลุ้น 8 ล้านคนปี 67

‘ไทย-จีน’ เว้นวีซ่าดันท่องเที่ยว จับตาจุดเปลี่ยน ‘ตรุษจีน’ ลุ้น 8 ล้านคนปี 67

เอกชนท่องเที่ยวเด้งรับข่าวดี นายกฯ 'เศรษฐา' ประกาศ 'ไทย-จีน' ยกเว้นวีซ่าระหว่างกันถาวรตามคำเรียกร้อง 'แอตต้า' ประเมินปีมังกร 2567 'จีนเที่ยวไทย' 6-7 ล้านคน พร้อมจับตาจุดเปลี่ยน 'ตรุษจีน' ลุ้น 8 ล้านคนตามเป้า 'ททท.' ต้องทุ่มสุดตัว ด้าน 'ทีเอชเอ' ชี้ต้องเร่งฟื้นกรุ๊ปทัวร์

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ (2 ม.ค.) ระบุว่าประเทศไทยและประเทศจีนมีข้อตกลงในการยกเว้นวีซ่าระหว่างกันอย่างถาวร ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2567 เป็นต้นไป ถือเป็นการยกระดับความสำคัญของหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ไทยในการเดินทางของทั้งสองประเทศ และขอให้มีการประชาสัมพันธ์ว่าทั้งไทยและจีนต่างมีความพร้อมในการเปิดประเทศและดูแลนักท่องเที่ยวของกันและกัน

หลังจากภาคเอกชนท่องเที่ยวต่างเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาต่ออายุมาตรการยกเว้นวีซ่า (วีซ่าฟรี) แก่นักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดเป้าหมายของภาคท่องเที่ยวไทย ออกไปอย่างน้อยถึงสิ้นปี 2567 หรือยิ่งนานยิ่งดี โดยตลอดปี 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย 3,519,735 คน จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด 28,042,131 คน ขณะเดียวกันยังลุ้นผลการเจรจาระหว่างทางการไทยและจีนเกี่ยวกับการยกเว้นวีซ่าระหว่างกันของทั้งสองประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดคนไทยไปเที่ยวประเทศจีนด้วย

นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า ตามที่นายกฯ แถลง นับเป็นการกระชับความสัมพันธ์ไมตรีที่ดีเยี่ยมระหว่างกัน ต้องไว้วางใจกันอย่างมากถึงให้กันขนาดนี้ ประเมินว่าจากนี้ไปจะเกิดการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น ทั้งฝั่งคนไทยไปจีนและคนจีนมาไทย ส่วนการจะได้คนจีนเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยตามเป้าหมายที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งไว้ในปี 2567 ที่จำนวน 8 ล้านคน จำเป็นต้องทำการตลาดอย่างหนัก อยู่เฉยไม่ได้ เพราะตอนนี้คนจีนยังไม่ออกท่องเที่ยวนอกประเทศมากนัก

“นักท่องเที่ยวจีนถือเป็นตลาดหลักที่สามารถดันตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นได้อีกในปี 2567 เพราะยังมีช่องว่างเหลืออีกมาก เนื่องจากเมื่อปี 2562 ก่อนวิกฤติโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยจำนวนกว่า 11 ล้านคน ขณะที่ปี 2566 เดินทางเข้าไทย 3.5 ล้านคน ทำให้ในปี 2567 ตามที่ ททท. ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยอย่างน้อย 8 ล้านคน แอตต้าประเมินว่าน่าจะได้ 6-7 ล้านคน แต่ถ้าจะไปถึงเป้า 8 ล้านคนให้ได้นั้น ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต้องลงแรงกันแบบสุดตัว”

‘ไทย-จีน’ เว้นวีซ่าดันท่องเที่ยว จับตาจุดเปลี่ยน ‘ตรุษจีน’ ลุ้น 8 ล้านคนปี 67

“แอตต้า” ชี้จับตาจุดเปลี่ยน “ตรุษจีน”

โดยเฉพาะในช่วงโกลเด้นวีคหยุดยาวเทศกาลตรุษจีน 2567 ช่วงต้นเดือน ก.พ.นี้ ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก ทิศทางนักท่องเที่ยวจีนทั้งปี 2567 จะฟื้นตัวดีขึ้นมากหรือน้อย ต้องจับตาช่วงเทศกาลตรุษจีน ก็สามารถประเมินแนวโน้มได้แล้วว่าเป็นอย่างไร ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องอัดมาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวเพิ่มเติม โดยเฉพาะการต่ออายุมาตรการยกเว้นวีซ่า ยิ่งขยายไปนานเท่าใดก็ยิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงจากประเทศอื่นๆ ที่ได้วีซ่าฟรี ให้เข้ามาเที่ยวไทยมากขึ้น

“ต้องรอดูตอนเทศกาลตรุษจีนถึงจะเห็นความชัดเจนว่าในปี 2567 จะมีคนจีนมาเที่ยวไทยมากแค่ไหน ถ้าหากมีการจองเที่ยวบินเต็มและมีการเพิ่มเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) ก็จะเป็นสัญญาณดีที่คนจีนจะมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นตลอดปีนี้”

ขณะเดียวกัน การยกเว้นวีซ่าระหว่างกัน ก็จะทำให้คนไทยไปเที่ยวจีนมากขึ้นเช่นกัน ต่อไปคนไทยจะไม่ต้องห่วงหรือรอการยื่นขอวีซ่าอีกแล้ว ซึ่งบางครั้งก็โดนตีกลับ ทำให้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2567 เป็นต้นไป คนไทยจะไปเที่ยวจีนเมื่อไรก็ได้ ขอแค่มีตั๋วเครื่องบินก็ไปได้เลย แม้แต่การขายทัวร์ไฟไหม้ก็สามารถไปได้ เพราะไม่ต้องทำวีซ่าแล้ว

 

เร่งฟื้น “กรุ๊ปทัวร์” ปิดช่องว่าง “จีนเที่ยวไทย”

ก่อนหน้านี้ นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า มาตรการยกเว้นวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติตลาดเป้าหมาย เช่น จีน เป็นหนึ่งในมาตรการที่ภาคธุรกิจโรงแรมต้องการในปี 2567 เนื่องจากปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนยังเดินทางเข้าไทยค่อนข้างน้อย สิ้นปี 2566 ปิดที่จำนวน 3.5 ล้านคน ทำให้ในปี 2567 มีโอกาสเห็นตัวเลขขยับ เพราะทางการจีนเริ่มอนุมัติการต่ออายุหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) แก่ชาวจีนมากขึ้น และต้องเร่งทำการตลาดฟื้นนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์มากขึ้น เพื่อปิดช่องว่างตลาดจีนเที่ยวไทยที่หายไป เพราะตอนนี้กลุ่มที่กลับมาแล้วส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT)

“พฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนนิยมจองห้องพักแบบกระชั้นชิด (Last Minute) กันมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการโรงแรมยังไม่เห็นยอดจองห้องพักล่วงหน้า (Forward Booking) จากนักท่องเที่ยวจีนช่วงหยุดยาวเทศกาลตรุษจีนเดือน ก.พ. ปี 2567 เข้ามามากนัก”

 

จบปี 66 “ต่างชาติเที่ยวไทย” ทะลุ 28 ล้านคน

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดปี 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 31 ธ.ค. 2566 มีจำนวน 28,042,131 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 1.2 ล้านล้านบาท

สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยสูงสุด 5 อันดับแรกตลอดปี 2566 ได้แก่ อันดับ 1 มาเลเซีย 4,563,020 คน อันดับ 2 จีน 3,519,735 คน อันดับ 3 เกาหลีใต้ 1,658,688 คน อันดับ 4 อินเดีย 1,626,720 คน และอันดับ 5 รัสเซีย 1,481,878 คน

เมื่อดูเฉพาะช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี 2566 (25-31 ธ.ค.) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา 789,643 คน ปรับตัวลดลงเล็กน้อย 0.90% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า (18-24 ธ.ค.) คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเฉลี่ยวันละ 112,807 คน เนื่องจากนักท่องเที่ยวเริ่มชะลอการเดินทางตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. ส่วนใหญ่เป็นการลดลงของนักท่องเที่ยวภูมิภาคอาเซียน สำหรับนักท่องเที่ยวในภูมิภาคอื่นๆ ยังคงเพิ่มขึ้นจากการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ และการเดินทางช่วงวินเทอร์ฮอลิเดย์ (Winter Holiday) เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาของภูมิภาคยุโรป

โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติในสัปดาห์สุดท้ายของปี 2566 ได้แก่ อันดับ 1 มาเลเซีย 123,540 คน ปรับตัวลดลง 18.59% จากสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนอันดับ 2 จีน 101,003 คน เพิ่มขึ้น 4.95% อันดับ 3 รัสเซีย 52,893 คน เพิ่มขึ้น 12.84% อันดับ 4 เกาหลีใต้ 41,830 คน ลดลง 10.52% และอันดับ 5 อินเดีย 39,630 คน ลดลง 3.60%

 

ททท. ดัน “จีนเที่ยวไทย” สู่เป้า 8 ล้านคนปี 67

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.ตั้งเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยตลอดปี 2567 ไม่น้อยกว่า 8 ล้านคน จากเป้าหมายภาพรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติในกรณีดีที่สุด (Best Case Scenario) จำนวน 35 ล้านคน เท่ากับว่าจะต้องเร่งทำการตลาดดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้าเพิ่มอีก 4.5 ล้านคน เพิ่มจากปี 2566 ซึ่งปิดที่ตัวเลข 3.5 ล้านคน

สำหรับทิศทางการทำตลาดนักท่องเที่ยวจีน จะมุ่งฟื้นความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ให้นักท่องเที่ยวจีนมองประเทศไทยด้วยภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเชิงบวก โดยเมื่อปลายเดือน ธ.ค. 2566 สำนักงาน ททท. ในจีนทั้ง 5 แห่งได้จัดแฟมทริปนำคณะสื่อมวลชนและอินฟลูเอนเซอร์จีนจำนวน 100 ราย เดินทางมาสำรวจสินค้าท่องเที่ยวและบริการในประเทศไทย ผ่านซอฟต์พาวเวอร์และการท่องเที่ยวอย่างมีความหมาย (Meaningful Travel) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวและกระตุ้นการเดินทางต่อเนื่องตลอดปี 2567

ขณะเดียวกัน ททท.จะรุกดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพอย่างต่อเนื่อง หลังเห็นพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนไป นิยมเดินทางแบบ FIT เป็นกลุ่มขนาดเล็กชัดเจนมากขึ้น รวมถึงดึงกลุ่มนักเดินทางไมซ์ (MICE: การประชุม เดินทางเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และแสดงสินค้า) และเล็งจัดอีเวนต์ด้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์เพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวนำการเดินทางของตลาดนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในไทยมากขึ้น