‘จีนเที่ยวไทย’ เร่งกู้ยอด 8 ล้านคนปี 67 ลุยโรดโชว์คืนชีพตลาดกรุ๊ปทัวร์
'แอตต้า-ททท.' ผนึกกำลังกู้ยอด 'นักท่องเที่ยวจีน' ปี 67 ขนทัพผู้ประกอบการไทยบุกแดนมังกร จัดโรดโชว์ 11-15 ธ.ค. หวังคืนชีพตลาด 'กรุ๊ปทัวร์' โหมโรงช่วงโกลเด้นวีค 'ตรุษจีน' นายกแอตต้า 'ศิษฎิวัชร' ประเมินจีนเที่ยวไทยปีหน้า 6 ล้านคน ขณะ ททท. ชูกลยุทธ์ '4News-2Q' ดันเป้า 8.2 ล้านคน
ตลาดนักท่องเที่ยวจีนยังคงเป็นความหวังการฟื้นตัวของเครื่องยนต์ภาคท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าหมายปี 2567 ดึงนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยสูงถึง 8.2 ล้านคน ฟื้นตัว 74% เมื่อเทียบกับจำนวน 11,138,658 คน ซึ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด
ททท.คาดการณ์ว่าแนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนตลอดปี 2566 จะปิดที่ 3.5 ล้านคน ไปไม่ถึงเป้าหมาย 4.1 ล้านคน หลังสถิติช่วง 11 เดือนแรก ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-26 พ.ย. 2566 มีจำนวนสะสม 3,046,893 คน แม้รัฐบาลจะออกมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่า-ฟรี) แก่นักท่องเที่ยวจีนเป็นการชั่วคราว ระยะเวลาประมาณ 5 เดือน ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2566- 29 ก.พ. 2567 เพื่อกระตุ้นการเดินทางในช่วงไฮซีซัน
ปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนยังไม่กลับมาตามนัดหลังวิกฤติโควิด-19 จบลง มาจากการติดข้อจำกัดหลายสาเหตุ โดยเฉพาะจำนวนเที่ยวบินที่ยังกลับมาไม่เต็มที่ รวมถึงการแข่งขันทางการท่องเที่ยว ทั้งจากฝั่งฮ่องกงและมาเก๊า รวมถึงประเทศคู่แข่งสำคัญอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น และเวียดนาม หรือแม้แต่การส่งเสริมท่องเที่ยวภายในประเทศจีนเองในสถานการณ์เศรษฐกิจจีนชะลอตัว
นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยปี 2566 ไม่เป็นไปตามคาดหวัง การตั้งเป้าหมายของ ททท.ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนกลับมาสูงถึง 8.2 ล้านคนในปี 2567 ถือเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก
แอตต้ามองว่าต้องประเมินสถานการณ์ความเป็นจริงของตลาดจีนเที่ยวไทยอีกครั้งจากการจัดโรดโชว์ส่งเสริมการขายรายการนำเที่ยว “TAT & ATTA Road Show to China 2023” ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง แอตต้า กับ ททท. วันที่ 11-15 ธ.ค. 2566 ณ นครเซี่ยงไฮ้และนครเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน ล่าสุดได้รับรายงานว่ามีผู้ประกอบการท่องเที่ยวฝั่งไทยยืนยันเดินทางร่วมโรดโชว์กว่า 70-80 รายแล้ว
'แอตต้า' คาดปี 67 จีนเที่ยวไทย 6 ล้านคน
“เบื้องต้นแอตต้าประเมินว่าปี 2567 น่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามา 5-6 ล้านคน เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีนี้ ส่วนจะไปถึงเป้าหมายของ ททท. ที่ 8.2 ล้านคนหรือไม่นั้น ยังต้องดูสถานการณ์ความเป็นจริงก่อน”
สำหรับเป้าหมายของการจัดโรดโชว์ที่ประเทศจีนกลางเดือน ธ.ค.นี้ คือการสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยที่ผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวจีนยังกังวล รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้งฝั่งจีนและไทยในการกลับมาทำตลาดกรุ๊ปทัวร์อีกครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองรองของจีน จากปัจจุบันแทบจะไม่มีเลย ถ้าได้นักท่องเที่ยวจีนจากเมืองรองมาเพิ่ม ก็จะช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ในการไปถึงเป้าหมาย 8.2 ล้านคนในปีหน้า
“แอตต้าคาดหวังว่าการจัดโรดโชว์ครั้งนี้ จะช่วยปลุกความเชื่อมั่น ดึงตลาดกรุ๊ปทัวร์จีนกลับมาเที่ยวไทยในช่วงตรุษจีน เดือน ก.พ.ปีหน้าให้ได้”
ททท.ชูกลยุทธ์ '4News - 2Q' กู้ยอดทัวริสต์จีน
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.ให้ความสำคัญกับการทำงานบุกทุกตลาด เมื่อดูเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่กำลังได้รับความสนใจ สำนักงาน ททท.ทั้ง 5 แห่งในจีน ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เฉิงตู และคุนหมิง ได้กำหนดทิศทางกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีน ด้วยกลยุทธ์ “4News” ได้แก่ 1.New Segment นักท่องเที่ยวเซ็กเมนต์ใหม่ 2.New Area นักท่องเที่ยวจากพื้นที่ใหม่ 3.New Alliance (Airline) นักท่องเที่ยวจากพันธมิตรและสายการบินใหม่ และ 4.New Mode ทำตลาดด้วยวิธีการใหม่
ภายใต้แนวทางหลัก “2Q” ประกอบด้วย 1.ควิกวิน (Quick Win) ฟื้นคืนฐานตลาดกลุ่มกระแสหลัก เพื่อกระตุ้นกลุ่มเดินทางซ้ำ (Revisit) ขยายฐานกลุ่มเดินทางครั้งแรก (First Visit) พร้อมส่งเสริมการเดินทางช่วงโลว์ซีซัน และ 2.คุณภาพ (Quality) มุ่งเพิ่มจำนวนและกระตุ้นการใช้จ่ายของกลุ่มความสนใจพิเศษ ทั้งกลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กลุ่มคู่แต่งงานและฮันนีมูน กลุ่มท่องเที่ยวเชิงกีฬา กลุ่มลักชัวรี และกลุ่มวัฒนธรรมย่อย (Sub-culture) ที่มีหลากหลายความสนใจ และจะเข้ามาเป็นนักท่องเที่ยวที่ทรงอิทธิพลต่อภาคการท่องเที่ยว
ชงรัฐขยายมาตรการ ‘วีซ่า-ฟรี’ ต้องไปต่อ
นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี นายกสมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวชลบุรี กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลออกมาตรการวีซ่า-ฟรี กระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีนผ่านไป 2 เดือนกว่านั้น ประเมินว่ายังไม่ได้ดันยอดนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวไทยได้มากกว่าปกติอย่างมีนัยยะสำคัญ ส่วนใหญ่ที่เดินทางมานั้นเป็นกลุ่มท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (FIT) ซึ่งเป็นกลุ่มคนมีเงิน ใช้จ่ายสูง หากประเทศไทยยังมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยในสายตาชาวจีน ภาพลักษณ์เชิงลบดังกล่าวจะถูกสื่อกระจายออกไป นักท่องเที่ยวจีนก็จะไม่เลือกมาเที่ยวไทย เลือกไปเที่ยวยุโรป สหรัฐ หรือประเทศอื่นๆ แทน
อย่างไรก็ตาม สมาคมฯ มองว่ายังจำเป็นต้องใช้มาตรการวีซ่า-ฟรีเพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง เพราะตอนนี้เป็นช่วงที่เศรษฐกิจไทยยังไม่ดีมากนัก โดยหลักการสำคัญคือไม่ใช่การโฟกัสแค่ตลาดใดตลาดหนึ่งเป็นหลัก หรือเฉพาะตลาดขนาดใหญ่เท่านั้น
“หากพูดตรงๆ ตลาดจีนตอนนี้ต่อให้ทำอะไรไป ก็อาจไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก แต่ยืนยันว่าควรดำเนินมาตรการวีซ่า-ฟรีต่อไป และต้องพิจารณาเพิ่มประเทศที่มีศักยภาพขยายฐานนักท่องเที่ยวในการพิจารณาให้วีซ่า-ฟรีด้วย เพราะบางประเทศ แม้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไม่มากนัก แต่ใช้จ่ายดีมีคุณภาพ เห็นผลเรื่องการเพิ่มรายได้เข้าประเทศ”
ส่วนปัญหาการแฝงตัวของกลุ่มชาวจีนเข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายที่เริ่มเห็นมากขึ้น มองว่าควรดำเนินมาตรการวีซ่า-ฟรีต่อไป เพราะเป็นคนละกลุ่มกับนักท่องเที่ยว โดยเป็นหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐที่จะต้องคัดกรองคน พร้อมออกมาตรการป้องกันและปราบปรามกลุ่มชาวจีนที่อาศัยช่องโหว่ แฝงตัวเข้ามาทำผิดกฎหมาย สร้างปัญหา หรือเข้ามาหาผลประโยชน์จากประเทศไทย กันออกจากกลุ่มคนที่เป็นนักท่องเที่ยวจริงๆ
จีนบุก 'งานแสดงสินค้า' ในไทยทุกเซ็กเตอร์
นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยจะฟื้นตัวค่อนข้างช้า ไม่เป็นไปตามคาดหวัง แต่สำหรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์ (MICE: การประชุม เดินทางเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และแสดงสินค้า) ถือว่าฟื้นตัวดีขึ้น สวนทางกับตลาดนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มเดินทางมาร่วมงานแสดงสินค้า (Exhibition) พบว่ามีนักธุรกิจชาวจีนมาร่วมงานในไทยจำนวนมากจากทุกเซ็กเตอร์ เพื่อออกบูธนำเสนอขายสินค้าและเทคโนโลยี มีความตั้งใจสูงในการขายแบบสู้ตาย
หลังได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลจีน อัดฉีดเงินให้ชาวจีนเดินทางออกไปหาธุรกิจในต่างประเทศ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจีนที่ประสบปัญหาชะลอตัว เช่น สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการออกบูธ โดยมี KPI วัดผลชัดเจน ทำให้งานแสดงสินค้าบางงานที่อินฟอร์มาฯ เป็นผู้จัดงาน ได้รับความนิยมจากธุรกิจในประเทศจีนอย่างมาก จำเป็นต้องจำกัดพื้นที่แก่ผู้ที่มาออกบูธจากประเทศจีน ยกเว้นบางงานที่ประเทศจีนเป็นเจ้าของเทคโนโลยีเอง
“ในภูมิภาคอาเซียน ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่ภาคธุรกิจจีนสนใจมากที่สุด เพราะงานแสดงสินค้าในไทยมีภาพลักษณ์การเป็นงานระดับภูมิภาค (Regional)"
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสริมอื่นๆ เช่น ประเทศไทยโดดเด่นในฐานะเมืองท่องเที่ยวระดับโลก มีค่าใช้จ่ายไม่แพงในการเดินทางเมื่อเทียบกับประเทศศูนย์กลางทางธุรกิจอื่นๆ เช่น สิงคโปร์ ขณะเดียวกันบางอุตสาหกรรมกำลังเติบโตร้อนแรงในประเทศไทย เช่น รถยนต์ไฟฟ้า EV อาหาร ความสวยความงาม และการดูแลสุขภาพ ทำให้นักเดินทางกลุ่มนี้ยังเดินทางเข้าไทยต่อเนื่องจากปี 2566 ไปถึงปี 2567