จอมยุทธ์ ‘เอเย่นต์ทัวร์’ จับชีพจร ‘จีนเที่ยวไทย’ ปี 67 เหนื่อยแต่ลุยต่อ!
เหล่าจอมยุทธ์ 'เอเย่นต์ทัวร์' แดนมังกรต่างประเมินแนวโน้มตลาด 'จีนเที่ยวไทย' ในปี 2567 ว่าน่าจะฟื้นตัวดีขึ้น และกลับสู่ 100% ได้ในปี 2568 ยกเว้นเอเย่นต์ทัวร์ที่ปรับตัวได้เร็ว รับมือกับปัญหาเศรษฐกิจจีนและโครงสร้างนักท่องเที่ยวจีนที่เปลี่ยนไปสู่โฉมใหม่
นั่นคือนิยมเที่ยวด้วยตัวเองมากขึ้น ซึ่งคาดว่าเอเย่นต์ทัวร์ที่ปรับตัวได้ไว จะคืนชีพเท่าภาวะปกติได้ก่อนใครในปี 2567
“กรุงเทพธุรกิจ” รวบรวมทัศนะเอเย่นต์ทัวร์ฝั่งจีน 2 เมืองหลัก “เซี่ยงไฮ้-เฉิงตู” จากงานโรดโชว์ “TAT & ATTA Roadshow To China 2023” ระหว่างวันที่ 11-15 ธ.ค. 2566 จัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เพื่อเร่งฟื้นตลาดนักท่องเที่ยวจีนสู่เป้าหมายปี 2567 ของ ททท. ที่ต้องดึงเข้ามาอย่างน้อย 8 ล้านคนจากเคยครองสถิติสูงสุด 11 ล้านคนเมื่อปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด
หยีว์ ผิง ผู้จัดการด้านผลิตภัณฑ์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แผนกภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท ซ่างไห่ ว่าน กั๋ว อินเตอร์เนชันแนล แทรเวล เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นโฮลเซลค้าส่งแพ็กเกจท่องเที่ยวรายใหญ่ มองว่า ภาพรวมตลาดนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยในปี 2568 น่าจะฟื้นตัว 100% เทียบกับปี 2562 ขออย่างเดียวคือ “อย่ามีข่าวเชิงลบ!” โดยเฉพาะประเด็น “ความปลอดภัย” ขึ้นมาอีก
หลังจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการเอเย่นต์ทัวร์ “เหนื่อยมาก” กับการทำตลาด ด้วยสถานการณ์ “ขึ้นๆ ลงๆ” จากข่าวเชิงลบ ทั้งข่าวลือเรื่องตัดไต รวมถึงเหตุกราดยิงเมื่อเดือน ต.ค.
“ธุรกิจบริษัททัวร์ในจีนเผชิญความท้าทายมากมายนับตั้งแต่เจอวิกฤติโควิด ต่อด้วยปัญหาเศรษฐกิจจีนชะลอตัว และพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนไป ทำให้บริษัททัวร์ดั้งเดิมต้องปรับตัว บางเจ้าหันไปทำตลาดท่องเที่ยวในประเทศจีนมากขึ้น ส่วนบริษัทเรายังมุ่งมั่น ทุ่มเททำตลาดดึงชาวจีนไปเที่ยวไทย”
บริษัทฯ คาดการณ์ว่าตลอดปี 2566 จะมีลูกค้าชาวจีนเดินทางไปเที่ยวไทยกลับมา 50% เทียบกับปี 2562 โครงสร้างลูกค้าเปลี่ยนเป็นกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) และกรุ๊ปทัวร์ในสัดส่วนเท่ากันที่ 50% ต่างจากก่อนโควิดที่มีกรุ๊ปทัวร์ 70% และ FIT 30%
ในยุคหลังโควิด พบด้วยว่านักท่องเที่ยวจีนหันมาเดินทางเป็นกลุ่มขนาดเล็ก 4-8 คน วางแผนโปรแกรมแบบ “Tailor Made” ตามความต้องการ ให้เอเย่นต์ทัวร์ช่วยจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และอื่นๆ โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มไฮเอนด์ ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจจีน สามารถปรับราคาขายแพ็กเกจสูงขึ้นได้ ต่างจากราคาขายแพ็กเกจทัวร์ทั่วไปที่เสนอขายแก่ลูกค้าชนชั้นกลาง (Middle Class) ซึ่งได้รับผลกระทบหนักจากปัญหาเศรษฐกิจจีน ต้องปรับลดราคาลงเล็กน้อย แพ็กเกจ 6 วัน 5 คืน เริ่มต้นขายต่ำสุด 3,000 หยวนต่อคนต่อทริป ไปจนถึง 7,000-8,000 หยวนต่อคนต่อทริปก็มี
เจี๋ย เจี้ยนจุน เจ้าของบริษัท หูเป่ย อิน เจอร์นีย์ อินเตอร์เนชันแนล แทรเวล เซอร์วิส จำกัด ซึ่งปัจจุบันขายเฉพาะแพ็กเกจท่องเที่ยวประเทศไทย เล่าว่า ในยุคหลังโควิด บริษัทฯ ได้ปรับตัวเปลี่ยนจากการเป็นเอเย่นต์ขายหน้าร้าน ไปเป็นเอเย่นต์ที่เน้นขายผ่านแพลตฟอร์มของบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) แทน รุกโปรโมตผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้ได้ “ลูกค้าต่างมณฑล” ทั่วประเทศมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมณฑลหูเป่ยมีเที่ยวบินกลับมาน้อยไม่ถึง 10% เฉพาะลูกค้าบริษัทฯ กลับมาแค่ 30% เดินทางจากปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ชิงเต่า เฉิงตู และฉงชิ่ง เข้าสู่ประเทศไทย เส้นทางขายดีคือ กรุงเทพฯ-พัทยา และภูเก็ต
ทั้งนี้ ประเมินว่าภาพรวมตลาดจีนเที่ยวไทยจะฟื้นตัวเท่าปี 2562 ภายในปี 2568 แต่สำหรับบริษัทฯ ตั้งเป้าฟื้นธุรกิจกลับมา 100% ในปี 2567 จากการปรับตัวเร็ว ทำให้ฟื้นตัวได้เร็ว!
“มองว่าหน่วยงานภาคการท่องเที่ยวของไทยควรเชิญเอเย่นต์ สื่อมวลชน และอินฟลูเอนเซอร์ไปไลฟ์สดบรรยากาศการท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงเทศกาลใหญ่ๆ ที่มีกิจกรรมน่าสนใจ เช่น ลอยกระทง และสงกรานต์ เป็นจุดที่ชาวจีนชอบ และสนใจอยากเข้าร่วม”
ด้านบิ๊กเอเย่นต์ในภาคตะวันตกของจีน จาง ซินหมิน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซื่อชวน ซ่างไห่ แอร์ไลน์ ฮอลิเดย์ ทัวร์ส อินเตอร์เนชันแนล จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจทัวร์เอาต์บาวนด์พาคนจีนเที่ยวต่างประเทศ พบว่าทั้งประเทศจีนฟื้นตัวแค่ 20% เท่านั้นเมื่อเทียบกับปี 2562 โดยยุคก่อนโควิดระบาด บริษัทฯ ทำแพ็กเกจท่องเที่ยวต่างประเทศขายกว่า 18 ประเทศ เคยได้ลูกค้ากว่า 3,000 คนต่อเดือน แต่ตอนนี้ทำแพ็กเกจขายประเทศไทยประเทศเดียว ลูกค้ากลับมา 50% หรืออยู่ที่ราว 1,000 คนต่อเดือน เหตุผลที่เลือกทำตลาดจีนเที่ยวไทย เนื่องจากชาวจีนในนครเฉิงตู เมืองเอกของมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ชื่นชอบเมืองไทย และมีสายการบินฟื้นฟูเที่ยวบินเข้าไทยมากขึ้น
“เฉพาะในนครเฉิงตู พบว่าผู้ประกอบการเอเย่นต์ทัวร์ยังฟื้นตัวกลับมาไม่ถึง 50% แต่ก็มีบริษัทขนาดเล็กที่เน้นเจาะตลาดพาคนจีนไปเที่ยวประเทศไทยโดยเฉพาะ ทำให้ธุรกิจกลับมาเต็ม 100% แล้ว เนื่องจากไทยเป็นจุดหมายที่มีการฟื้นตัวดีที่สุด จุดหมายอื่นๆ ยังไม่ฟื้นเท่าไทย”