‘เศรษฐา’ เรียกประชุม ททท. 13 ธ.ค. มอบนโยบายกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ

‘เศรษฐา’ เรียกประชุม ททท. 13 ธ.ค.  มอบนโยบายกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ

นายกฯ 'เศรษฐา' เรียกประชุมผู้บริหาร ททท. และ ผอ. ททท. 45 สำนักงานในประเทศ มอบนโยบายขับเคลื่อนท่องเที่ยวในประเทศวันนี้ (13 ธ.ค.) มุ่งกระตุ้นเมืองรอง ติดปีกสู่เมืองหลัก 'แอตต้า' แนะรัฐบาลออกมาตรการอินเซนทีฟจูงใจ 'สายการบิน' เปิดเส้นทางระหว่างประเทศเข้าเมืองรอง

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า วันนี้ (13 ธ.ค.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรียกประชุมผู้บริหาร ททท. และผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานในประเทศทั้ง 45 แห่ง ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 13.00 น. เพื่อมอบนโยบายขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่เมืองรอง 55 จังหวัด มุ่งยกระดับเป็นเมืองหลักในอนาคต ให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้ต่อหัวสูงขึ้น ขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งเมืองหลักด้วย

ททท. ได้เริ่มดำเนินยุทธศาสตร์กระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรองมาตั้งแต่ปี 2558 และต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยในปี 2566-2567 ใช้แนวคิด “เปิดประสบการณ์ใหม่ เที่ยวเมืองรองมิรู้ลืม” พร้อมต่อยอดสู่แคมเปญใหม่ “365 วัน มหัศจรรย์เที่ยวเมืองรอง”

ทั้งนี้ ททท.มองว่าเมืองรองทั้ง 55 จังหวัดมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวดี แต่อยู่บนพื้นฐานไม่เท่ากัน การกระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรองจึงต้องอาศัย 3 เรื่องสำคัญในการขับเคลื่อน เรื่องแรกคือการผลักดันดีมานด์นักท่องเที่ยว ทาง ททท.ได้ร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐกระทรวงที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงภาคเอกชน เช่น หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเตรียมคลอดโครงการนำร่องผลักดัน 10 เมืองรองให้เป็นเมืองหลัก ที่มีศักยภาพทั้งมิติการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว เตรียมเปิดตัวในเดือน ม.ค. 2567

“ททท.จะดึงงานอีเวนต์ระดับนานาชาติไปจัดในเมืองรองมากขึ้น เพื่อสร้างความคึกคักให้กับพื้นที่ พร้อมดึงอินฟลูเอนเซอร์รุ่นใหม่ในเมืองไทยที่กำลังเป็นกระแสและได้รับความนิยมจากผู้ชม ให้เข้าไปทำคอนเทนต์เที่ยวเมืองรองมากขึ้น”

ส่วนเรื่องที่ 2 คือ การยกระดับซัพพลายให้มีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเรื่องโครงสร้างพื้นฐานการเดินทาง เป็นจุดที่ ททท.อยากให้เร่งพัฒนาอย่างมาก และเรื่องสุดท้ายคือการเตรียมความพร้อมของบุคลากรในจังหวัดเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า รัฐบาลควรเร่งออกมาตรการส่งเสริม ด้วยการให้อินเซนทีฟ (Incentive) จูงใจสายการบินเปิดเส้นทางใหม่ท่องเที่ยวเมืองรองในประเทศไทย หรือแม้แต่สนามบินในเมืองหลักเอง เช่น พัทยา ซึ่งมีสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาเปิดให้บริการ ปัจจุบันยังใช้ศักยภาพรองรับเที่ยวบินและผู้โดยสารไม่ถึง 20% ของขีดความสามารถในการรองรับทั้งหมด

“ถ้าปลดล็อกกุญแจนี้ได้ เหมือนกับที่รัฐบาลได้ปลดล็อกกุญแจดอกแรกแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติในการเข้าประเทศ ด้วยการออกมาตรการยกเว้นวีซ่า (วีซ่าฟรี) แก่นักท่องเที่ยวตลาดเป้าหมาย ได้แก่ จีน คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน มองว่าทางสายการบินก็จะสนใจทำการบินเข้าเมืองรองมากขึ้น จากนั้นเอเย่นต์ท่องเที่ยวก็จะขายแพ็กเกจเที่ยวเมืองรองตามมา เพื่อแข่งขันกับประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย และสิงคโปร์”