ตลาดน้ำผลไม้พรีเมียมยังซบเซา ‘ดอยคำ’ ส่งสินค้ารสชาติใหม่เจาะตลาด

ตลาดน้ำผลไม้พรีเมียมยังซบเซา ‘ดอยคำ’ ส่งสินค้ารสชาติใหม่เจาะตลาด

'ดอยคำ’ เผยตลาดผลไม้กลุ่มพรีเมียมในปีนี้ ยังเผชิญภาวะซบเซา เร่งส่งสินค้ารสชาติใหม่ ป๊อปอัพ รุกตลาดปลายปีนี้

นางชนันนัทธ์ พลปัถพี รองผู้จัดการใหญ่ ด้านขายและการตลาด บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดน้ำผลไม้พรีเมียมในปี 2566 ยังคงเผชิญภาวะตลาดซบเซาอยู่ โดยมีกลุ่มสินค้าบางประเภทอาทิ ผลไม้อบแห้ง ผลิตภัณฑ์ ไอซ์ป๊อบ "ICE POP" รวมถึงกระเช้าปีใหม่ กลับมาได้รับความนิยมและเติบโตขึ้นมาก ทำให้ภาพรวมยอดขายในปีนี้อยู่ในภาวะคงทรงตัวจากปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน ดอยคำ ได้เร่งขยายตลาดไอศกรีมหวานเย็นรักษ์โลกสูตรใหม่ กับ ดอยคำ ICE POP ฟรุตแอ๊บพันช์” โดยได้คัดเลือกผลไม้ 4 สายพันช์ มะม่วง เสาวรส ส้ม และทับทิม ผ่านการพัฒนาและวิจัย ทำให้ได้อัตราส่วนที่เหมาะสม จึงขยายไปสู่สินค้าใหม่

ทั้งนี้ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นการร่วมสร้างบรรยากาศของตลาดในช่วงปลายปีนี้ให้มีความคึกคักขึ้น โดยที่ผ่านมาได้มีการเปิด ดอยคำ ICE POP จำนวน 3 รสชาติ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างเกินคาดหมายจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย อีกทั้งมีแผนทยอยวางจำหน่ายสินค้าใหม่เพิ่มเติมอีกในช่วงต้นปี 2567

สำหรับผลิตภัณฑ์ ดอยคำ ICE POP ได้มีการพัฒนาและสามารถเก็บในอุณหภูมิห้องได้ ซึ่งผลิตภัณฑ์นำมาจากผลผลิตทางการเกษตร ได้รับผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า และเป็นผลิตภัณฑ์รักษ์โลก และความสำคัญกับการออกแบบ หรือกระบวนการผลิต เน้นความยั่งยืนและคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ได้รับรางวัล Creative Sustainable Product Award จากสำสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) มาแล้ว

ตลาดน้ำผลไม้พรีเมียมยังซบเซา ‘ดอยคำ’ ส่งสินค้ารสชาติใหม่เจาะตลาด สำหรับแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ ดอยคำ ได้วางแนวคิดการดำเนินธุรกิจที่สำคัญคือ “เกษตรเพื่อชุมชน ผลิตผลเพื่อคนไทย” 

อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา ดอยคำ ได้มีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจ และได้ติดตาม สถานการณ์เรื่องค่าแรงงานอย่างใกล้ชิด ซึ่งในปัจจุบันได้ใช้แรงงานพื้นที่รอบโรงงานหลวงเป็นหลักในไลน์การผลิตทั้งสามแห่ง ส่วนการขึ้นราคานั้นดอยคำคงจะต้องพยายามดูแลให้ส่งผลกระทบกับผู้บริโภคน้อยที่สุด รวมถึงในช่วงโควิดที่ผ่านมาที่บริษัทไม่ปรับราคาอยู่หลายปี จนเพิ่งมาขยับราคาในครึ่งปีหลังนี้ เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่พุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัว ส่วนหลายรายทนแบกรับภาระไม่ไหวทยอยขึ้นกันไปหลายระลอกในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

อีกทั้ง บริษัทได้หาทางปรับวิธีการผลิต ควบคุมการสูญเสีย จัดสรรทรัพยากรในไลน์ใหม่ให้เกิดประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุนบางส่วนลงชดเชยกับการขึ้นของค่าแรง