“อายิโนะโมะโต๊ะ” ปรับวิสัยทัศน์ หนุนคนไทยอยู่ดีมีสุขคู่ความยั่งยืน

114 ปี คือเส้นทางการเติบโตของ “อายิโนะโมะโต๊ะ” ต้นตำรับรสชาติ “อูมามิ” หรือชูความอร่อยด้วยผลิตภัณฑ์“ผงชูรส” ในประเทศญี่ปุ่น

ส่วนในประเทศไทย “อายิโนะโมะโต๊ะ” เข้ามาขยับขยายธุรกิจเป็นเวลา 51 ปีแล้ว และประเทศไทยถือเป็นฐานทัพการผลิตผงชูรสนอกประเทศญี่ปุ่นแห่งแรกด้วย ซึ่งปัจจุบันภายใต้บริษัทมีผลิตภัณฑ์และแบรนด์หลากหลายในพอร์ตโฟลิโอ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องปรุงรสแบรนด์ “รสดี” บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “ยำยำ” อาหารสำเร็จรูป อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง เครื่องดื่ม กาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม(RTD) “เบอร์ดี้” รวมถึงผงชูรสแบรนด์อายิโนะโมะโต๊ะ เป็นต้น​

สำหรับตลาดรวมผงชูรสมีมูลค่า 3,956 ล้านบาท และ “อายิโนะโมะโต๊ะ” ยืนหนึ่งอย่างแข็งแกร่งในตลาดยากที่คู่แข่งจะต่อกร เพราะสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 94.5% ขณะที่แบรนด์รองอื่นๆ ที่พอจะรู้จักมีไม่มากนัก 

ปี 2566 อายิโนะโมะโต๊ะ ได้ประกาศเปลี่ยนวิสัยทัศน์ครั้งใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจในอนาคต รวมถึงกติกาการค้าโลก และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ไม่เหมือนเดิม

นายอิชิโระ ซะกะกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ด้วยสภาวะแวดล้อมในการทำธุรกิจและการใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งความมุ่งมั่นที่จะตอบโจทย์ความต้องการของทุกภาคส่วนทั้งลูกค้า สังคมและสิ่งแวดล้อม และพนักงาน บริษัทฯ จึงได้ปรับวิสัยทัศน์ใหม่สู่การเป็น “ผู้นำในการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับสังคมไทยอย่างยั่งยืน” จากเดิม “มุ่งสู่การเป็นบริษัทอาหารที่มีความน่าเชื่อถือที่สุดในประเทศไทย” สอดคล้องกับค่านิมยมหลักเพื่อสร้างคุณค่าร่วมกับสังคมอย่างยั่งยืน (ASV)

นอกจากนี้ ยังมีภารกิจใหม่ ในการอาสาแก้ไขปัญหาด้านอาหารและสุขภาพของสังคมผ่านค่านิยมหลักของบริษัท ซึ่งตามแผนงานจะมีการมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์กว่า 10 รายการ ภายในปี 2573 เพื่อสนับสนุนคนไทยกว่า 3 ล้านคน ในทุกช่วงวัยให้มีสุขภาพดีรับสังคมผู้สูงวัยของไทยในอนาคต และขยายผลแนวคิดการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสู่ผู้บริโภคทั่วประเทศ ผ่านแคมเปญ Too Good To Waste การจัดการกับการสูญเสียอาหารและขยะอาหารให้กับคนไทยในภาคครัวเรือน

สำหรับเป้าหมายของ อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเพื่อให้บรรลุภารกิจสร้างความอยู่ดีมีสุขให้สังคมไทย ให้ความสำคัญกับการสร้างการอยู่ดีมีสุขกับผู้บริโภคทุกภาคส่วน ภายในองค์กร บริษัทฯ มุ่งให้ความรู้ด้านโภชนาการที่ถูกต้อง พร้อมทั้งได้ดำเนินการปรับปรุงสถานที่ต่าง ๆ ในสถานประกอบการตอบโจทย์พนักงาน เช่น โรงอาหารที่มีเมนูสุขภาพให้เลือกรับประทาน หรือสถานที่ออกกำลังกายที่ได้มาตรฐาน อันจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทั้งทางด้านอาหารและการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นได้

ขณะที่การสนับสนุนคนไทยกว่า 3 ล้านคนในทุกช่วงวัย ด้วยนวัตกรรมที่เกี่ยวกับอาหารและสุขภาพของบริษัทฯ ผ่าน 3 แนวทาง ดังนี้ 1.โภชนาการที่สมดุล เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพดีขึ้น โดยสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพหรือ Healthier Choice Logo เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ลดโซเดียม อย่าง รสดี สูตรลดโซเดียม, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยำยำ ฯลฯ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ลดน้ำตาล ทั้งกาแฟกระป๋องเบอร์ดี้, น้ำตาลไลท์ชูการ์, เบลนดี้ สติ๊ก คาเฟ โอเล ฮาฟแคลอรี่ เป็นต้น

2.โภชนาการสำหรับการกีฬา ในโครงการ Thailand Victory Project สร้างสรรค์โปรแกรมโภชนาการอาหารที่เหมาะสมกับนักกีฬา (Winning Meal) เป็นต้น และ 3.ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับสุขภาพ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 10 ผลิตภัณฑ์ทั้งในส่วนอาหารและอาหารเสริม

อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจทุกขั้นตอนของบริษัทยังมุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อย่างยั่งยืน ปี 2573 ตั้งเป้าบรรลุผล 5 ด้าน ได้แก่ 1.การลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจกลง 50% 2.การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ 80% 3.ลดขยะพลาสติกเป็นศูนย์ (รีไซเคิลพลาสติก) 4. ลดปริมาณของเสียจากอาหารและอื่น ๆ ลง 50% และ 5.การจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน 100% ด้วยการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการผลิตในโรงงานและภาคการเกษตร

“วิสัยทัศน์และภารกิจใหม่ของอายิโนะโมะโต๊ะ ในการเดินหน้าสู่ผู้นำการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้สังคมไทย สอดคล้องกับค่านิยมหลักเพื่อสร้างคุณค่าร่วมกับสังคมอย่างยั่งยืนของลุ่มบริษัทฯระดับโลก ที่มุ่งดำเนินธุรกิจเพื่อเสริมสร้างสุขภาพดีของผู้คน 1,000 ล้านคนทั่วโลก และส่งเสริมความยั่งยืนของโลกด้วยการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจ 50%”