รัฐเร่งฟื้นเชื่อมั่นความปลอดภัย ยกระดับมาตรการดูแล ‘นักท่องเที่ยว’

รัฐเร่งฟื้นเชื่อมั่นความปลอดภัย  ยกระดับมาตรการดูแล ‘นักท่องเที่ยว’

จากเหตุสะเทือนขวัญกราดยิงใน 'สยามพารากอน' หนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเมื่อวันที่ 3 ต.ค. ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นชาวจีนและเมียนมา และมีผู้บาดเจ็บ 5 ราย เป็นชาวจีน 1 ราย เดินทางมาด้วยกันกับชาวจีนที่เสียชีวิต ชาวลาว 1 ราย และชาวไทย 3 ราย

ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ประชุมหารือกันวานนี้ (4 ต.ค.) เพื่อยกระดับ “มาตรการรักษาความปลอดภัย” ในพื้นที่สาธารณะและแหล่งท่องเที่ยว

จักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการ กต. กล่าวว่า รัฐบาลขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บทุกท่าน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีชาวต่างชาติเสียชีวิตภายในศูนย์การค้า นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ กต.จึงเชิญสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ มาร่วมกันออกมาตรการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยตั้งศูนย์บัญชาการสถานการณ์ หรือ “Situation Command Center” ขึ้นที่ กต.เพื่อสื่อสารกับสถานทูตต่างๆ ในประเทศไทย ให้รับทราบข้อมูลข่าวสารที่เที่ยงตรงที่สุด และประสานงานการดูแลครอบครัวผู้ประสบเหตุที่อยู่ในต่างประเทศทั้งหมด

“อนาคตจะมีมาตรการป้องกันอย่างไร ต้องช่วยกันคิดจริงจัง รวมทั้งการดูแลสุขภาพจิตของประชาชนทุกคน การบังคับใช้ข้อกฎหมายการซื้ออาวุธปืนอย่างจริงจัง ขอย้ำว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงแล้ว ไม่ได้มีเหตุการณ์ต่อเนื่องเกิดขึ้นอีก”

สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า ในนามของรัฐบาลไทย ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บทุกท่านจากเหตุการณ์สุดวิสัยที่เกิดขึ้น รัฐบาลไทยจะดูแลทุกอย่างให้ดีที่สุด รวมถึงการที่ครอบครัวจะเดินทางมาพบผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ในส่วนของผู้บาดเจ็บ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีได้รับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์

“เราต้องสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในสถานที่ท่องเที่ยว ควบคุมไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีก เมื่อคืนวันที่ 3 ต.ค. ได้มีโอกาสอยู่ด้วยตอนท่านนายกฯ พูดคุยกับท่านทูตจีน นายกฯ แจ้งว่าทางไทยได้ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บ และนายกฯ ได้ไปเยี่ยม พร้อมรายงานสถานการณ์ว่าเป็นอย่างไร เหตุการณ์ได้จบลงอย่างรวดเร็ว ท่านทูตจีนก็ขอบคุณที่นายกฯ ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วด้วยตัวท่านเอง”

จากนี้ต้องมีมาตรการดูแลและเรียก “ความเชื่อมั่น” กลับมา ทั้งกับนักท่องเที่ยวไทยและนักท่องเที่ยวทุกชาติ ส่วนผลกระทบต้องติดตามในระยะถัดไป รวมถึง “ระบบข้อความเตือนภัยเร่งด่วน” (Emergency Alert) ไปยังโทรศัพท์มือถือเวลาเกิดเหตุการณ์ในไทย ได้มีการพูดคุยกันและต้องไปบูรณาการต่อ

พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จะเพิ่มมาตรการควบคุมและกฎหมายควบคุมอาวุธปืนประเภทแบลงค์กัน โดยตัวปืนชนิดนี้ไม่ผิดกฎหมายแต่นำมาแปลงสภาพเป็นอาวุธที่หลัง จึงจะไปพิจารณากฎหมายเพื่อเพิ่มมาตรการควบคุม “วัสดุสิ่งเทียมอาวุธปืน” ด้วย

ทั้งนี้ เมื่อเดือน ต.ค. 2565 ผบ.ตร. และศูนย์การค้าเคยร่วมซักซ้อมการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว ในภาพรวมของการรับมือขณะเกิดเหตุถือว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดีและยุติเหตุการณ์ได้เร็ว

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท.จะดำเนินมาตรการ 3 ส่วน ได้แก่ 1.มาตรการยกระดับดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติในทุกพื้นที่ 2.มาตรการเยียวยา ฟื้นฟูสภาพจิตใจ และการอำนวยความสะดวกผู้บาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิตทั้งชาวไทยและต่างชาติ และ 3.มาตรการสื่อสารภาพลักษณ์และสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งครอบคลุมการบริหารจัดการภาพลักษณ์ด้านลบที่อาจเกิดขึ้นกับการท่องเที่ยวด้วย ส่วนในระยะยาวต้องบริหารภาพลักษณ์ที่ดีแก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสร้างความมั่นใจซึ่งการจัดตั้งศูนย์บัญชาการที่ กต.จะเริ่มดำเนินการในวันที่ 5 ต.ค. และได้หารือถึงทุกประเด็นและทุกมิติของทั้ง 3 มาตรการต่อไป

ทั้งนี้ ททท.อยู่ระหว่างมอนิเตอร์สถานการณ์บนโลก “โซเชียลมีเดีย” คาดว่าอีก 1 สัปดาห์จะเห็นความชัดเจนว่าจะส่งผลกระทบต่อยอดจองของตลาด “จีนเที่ยวไทย” อย่างไร โดยก่อนหน้านี้ ททท.คาดหวังเห็นนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยเฉลี่ย 20,000-25,000 คนต่อวัน หลังรัฐบาลออกมาตรการ “วีซ่า-ฟรี” แก่ชาวจีนและคาซัคสถาน 5 เดือนช่วงไฮซีซัน ตั้งแต่ 25 ก.ย. 2566 - 29 ก.พ. 2567 แต่พอเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ต้องรอประเมินผลกระทบก่อน

รายงานจากกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ระบุว่า สัปดาห์แรกที่ใช้มาตรการวีซ่า-ฟรี (25 ก.ย.-1 ต.ค.) มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย 106,472 คน หรือเฉลี่ย 15,000 คนต่อวัน เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงก่อนบังคับใช้มาตรการวีซ่าฟรี ที่มีนักท่องเที่ยวจีนเฉลี่ย 7,000-8,000 คนต่อวัน

อารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ มีกองทุนเยียวยานักท่องเที่ยวที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ แต่ตอนนี้ไม่มีกองทุนนี้แล้ว จึงหารือกันว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือ ว่าจะใช้งบปกติหรือใช้งบกลาง ซึ่งจะเสนอนายกฯ ในเร็วๆ นี้ โดยปัญหาเฉพาะหน้าตอนนี้คือดูแลผู้บาดเจ็บ ดูแลศพผู้เสียชีวิตให้ดีก่อน ส่วนเงินช่วยเหลือเยียวยายังไม่ได้พูดคุยกับญาติ แต่ทางรัฐบาลต้องเตรียมไว้อยู่แล้ว