"กรุงศรี" ชู "Krungsri ESG Awards 2023" ยกระดับ SMEs ไทย ก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืน

เห็นได้ชัดว่าปัญหา ฝุ่น PM 2.5 รวมถึงสภาวะอากาศแปรปรวนที่คนไทยกำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ เป็นหนึ่งในประเด็นที่สะท้อนถึงความรุนแรงของ ปัญหาโลกร้อน ที่มนุษย์ร่วมกันสร้าง และยังย้ำชัดถึงความสำคัญในการยกเมกะเทรนด์ระดับโลกอย่าง "ESG" ให้เป็นวาระสำคัญของโลก ซึ่งภาคธุรกิจไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก ต่างก็หลีกเลี่ยงเรื่องนี้ไม่ได้อีกต่อไป 

อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า ยังมีผู้ประกอบการอีกมากที่มองการขับเคลื่อนวาระระดับโลกนี้ทั้งมิติของสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เป็นเรื่องยาก ไกลตัว และต้องใช้พลังภายในสูงเกินไป การจะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ การปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือการกำหนดโยบายสิทธิมนุษยชนให้ครอบคลุมพนักงานและผู้มีส่วนได้เสียขององค์กร ตลอดจนมีการปฏิบัติต่อพนักงานและแรงงานที่สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าว ล้วนแต่จะต้องใช้ทั้งความรู้และเงินทุนแทบทั้งนั้น 

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นหนึ่งในธนาคารพาณิชย์ที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง ESG และมีบทบาทในการผลักดัน ESG ให้กับลูกค้าธนาคารฯ ผ่านการสนับสนุนให้ลูกค้าเชื่อมโยงเรื่อง ESG เข้าไปในการดำเนินธุรกิจ ทั้งการสนับสนุนทางการเงินอย่างครบวงจรผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ และการมอบองค์ความรู้ให้ผู้ประกอบการมีความพร้อมที่จะเปลี่ยนผ่านกิจการเข้าสู่ความยั่งยืนในทุกมิติ โดยล่าสุด ธนาคารฯ ได้ริเริ่มโครงการ Krungsri ESG Award 2023 ขึ้นเป็นครั้งแรก

ดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันลูกค้าเอสเอ็มอีเล็งเห็นแล้วว่า ESG กลายเป็นเมกะเทรนด์ที่ขยายมิติไปสู่ห่วงโซ่ธุรกิจ (Supply chain) และขยายไปในหลายระดับ ไม่เพียงแค่องค์กรใดองค์กรหนึ่งเท่านั้น คู่ค้าที่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ในเวลานี้มักจะร้องขอผู้ประกอบการเอสเอ็มอีถึงเอกสารหรือรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการนำ ESG มาใช้ในการทำธุรกิจ นั่นจึงกลายเป็นการบังคับไปกลายๆ อยู่แล้วว่า เอสเอ็มอีก็ต้องมุ่งไปสู่ถนนสายความยั่งยืนเช่นเดียวกัน

ดวงกมล กล่าวต่อว่า เริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนแล้วว่า การปรับใช้แนวคิด ESG สามารถช่วยในแง่ธุรกิจได้ ทั้งการสร้างกำไร การลดต้นทุนธุรกิจ และการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ อาทิ การขยายธุรกิจใหม่ๆ อย่าง ธุรกิจสีเขียว (Green) ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ายุคใหม่ หรือการลงทุนเพื่อปรับกระบวนการผลิต ลดส่วนสูญเสีย ลดปริมาณขยะ ก็จะเป็นการลดต้นทุนการผลิตลงได้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะเริ่มให้ความสนใจและนำแนวคิด ESG มาพัฒนาธุรกิจของตัวเอง

ธนาคารกรุงศรี และ MUFG ก็เป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่ตระหนักในเรื่อง ESG และนำมาเป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ของธนาคารฯ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะมุ่งสู่ ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Net Zero Emission) ซึ่งที่ผ่านมา ธนาคารฯ ได้มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางด้านการเงินที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืน เช่น สินเชื่อโซลาร์รูฟท็อปเพื่อผู้ประกอบการที่สนับสนุนให้มีการใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้น และในปีที่ผ่านมา ธนาคารฯ ได้นำเสนอสินเชื่อเพื่อการปรับตัว (Transformation Loan) ที่เป็นสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ มุ่งเน้นการรักษาสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ขณะเดียวกันยังได้มีการจัดอบรมสัมมนาเพื่อแบ่งปันองค์ความรู้เกี่ยวกับการกำหนดกลยุทธ์ ESG สำหรับธุรกิจอยู่เสมอ 

"เรามองตัวเองเป็นสถาบันการเงินที่จะต้องเป็นตัวกลางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ด้วยการเชื่อมโยงธุรกิจเอสเอ็มอีเข้ากับแนวคิด ESG เพราะทุกวันนี้องค์กรขนาดใหญ่ที่มีการซื้อขายระดับประเทศและระดับโลก ได้นำ ESG มาใช้ในทุกกระบวนการทำธุรกิจ และต้องแสดงให้คู่ค้าอีกฝั่งเห็นเช่นกัน ดังนั้น หากเอสเอ็มอีไม่ปรับตัวก็อาจจะหลุดวงโคจร ไม่สามารถเป็นซัพพลายเออร์ให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่เหล่านั้นได้ ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารฯ ก็มีการให้สินเชื่อหรือให้ความรู้เป็นรูปแบบหนึ่งที่เราทำได้ แต่หากสถาบันการเงินอย่างเราลุกขึ้นมาทำโครงการที่สร้างสรรค์และผลักดันลูกค้าเอสเอ็มอีได้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์ในระยะยาว" ดวงกมล กล่าว

เช่นเดียวกับโครงการ Krungsri ESG Award 2023 ที่จะเป็นรางวัลประจำปีของธนาคารฯ นับจากนี้ไป เพื่อคัดเลือกและการมอบรางวัลให้แก่ลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอีที่ดำเนินการด้านการสร้างความยั่งยืน หรือ ESG (Environmental, Social และ Governance) อย่างจริงจัง โดยธนาคารกรุงศรีฯ ถือเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกที่ได้ริเริ่มให้รางวัล ESG Award กับเอสเอ็มอี โดยมีกระบวนการคัดเลือกผ่านองค์กรระดับประเทศ ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจเพื่อสังคม กรมพัฒนาธุรกิจการค้า องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ให้เกียรติมาร่วมเป็นที่ปรึกษาในโครงการ

เป้าประสงค์ของ Krungsri ESG Award 2023 นั้น ดวงกมล กล่าวว่า ธนาคารฯ ต้องการส่งเสริมและเชิดชูผู้ประกอบการ อีกทั้งยังเป็นการปูพื้นฐานความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการในการนำแนวคิด ESG มาปรับใช้ในธุรกิจให้เติบโตและมีกำไรที่มั่นคงและยั่งยืนในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการวางแผนธุรกิจ วางแผนกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับคำแนะนำโดยตรงแบบเจาะลึกจากผู้เชี่ยวชาญด้าน ESG และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานต่างๆ ระดับประเทศ 

ทั้งนี้ รางวัล Krungsri ESG Award 2023 แบ่งออกเป็น ระดับ Excellence ที่จะมอบให้กับกิจการที่มีความเป็นเลิศและครอบคลุมด้าน ESG ทั้งมิติของสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล และระดับ Highly Commended ที่จะเป็นรางวัลเพื่อเชิดชูกิจการที่ริเริ่มและดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติที่ดีทั้ง 3 ด้าน ซึ่งการที่ลูกค้าได้รับรางวัลไปจะเป็นเครื่องยืนยันในความใส่ใจ ESG ที่ธุรกิจมี และยังจะสามารถนำไปใช้เป็นเครื่องรับรองให้กับคู่ค้าและพันธมิตร รวมถึงขยายตลาดต่อไปได้ในอนาคต โดยในท้ายที่สุดแล้ว การที่ลูกค้าแข็งแรงก็จะสร้างความมั่นคงให้กับธนาคารฯ ต่อไปในอนาคตเช่นกัน

ดวงกมล กล่าวต่อไปว่า เพียงแค่รู้ว่าธนาคารฯ จะมีการมอบรางวัล Krungsri ESG Award 2023 ก็มีลูกค้าเอสเอ็มอีให้ความสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการและผ่านเกณฑ์การคัดเลือกแล้วกว่า 30 ราย การตอบรับของลูกค้าถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ซึ่งกระบวนการหลังจากนี้ไปอีก 6 เดือนก่อนประกาศผลและมอบรางวัลในเดือนมิถุนายน ผู้ประกอบการจะต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกที่เข้มข้นจากคณะกรรมการจากทั้ง 6 สถาบันที่ร่วมกันพิจารณา 

"เราอยากเป็นเวทีสร้างความตระหนักรู้ให้เอสเอ็มอี โดยถ่ายทอดองค์ความรู้ ข้อมูล และประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เราเชื่อว่าภายใต้กระบวนการคัดเลือกที่เกิดขึ้นในช่วง 6 เดือนนี้จะทำให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้ ได้รับคำชี้แนะที่เป็นประโยชน์และเป็นแนวทางนำไปต่อยอดได้แน่นอน" ดวงกมล กล่าว

นิกม์ พิศลยบุตร รองผู้อำนวยการ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Sasin School of Management) กล่าวเสริมว่า จากการศึกษาพบว่า องค์กรที่ยึดถือเรื่องความยั่งยืน ในที่สุดแล้วจะมีกำไรในระยะยาวสูงกว่าองค์กรที่ไม่ใส่ใจเรื่องนี้มากๆ เพราะกลุ่มผู้บริโภคให้ความสำคัญและยินดีที่จะจ่ายให้กับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อโลก จึงถือเป็นช่องทางหนึ่งในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันยังช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย เนื่องจากเมื่อเราสร้างมลพิษน้อยลง ภาระในการจัดการมลพิษก็ลดลง แถมยังลดความเสี่ยงที่จะโดนปรับหรือประท้วงที่อาจกลายเป็นต้นทุนตามมาให้ธุรกิจได้

สำหรับแก่นของ "ความยั่งยืน" ในมุมมองของ ศศินทร์ เขามองว่า คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์สามารถอยู่รอดและพัฒนาในด้านบวกต่อไปในโลกใบนี้ ไม่ใช่แค่สิ่งแวดล้อม สังคม หรือธรรมาภิบาล อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่จะครอบคลุมแทบทุกอย่างรอบตัวเรา ดังนั้นแก่นสารของความยั่งยืนคือเรื่องของ "ความใส่ใจ" ในระบบนิเวศรอบตัวเรา (Ecosystem) ความยั่งยืนจะเกิดขึ้นและจบลงที่การดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด สิ่งแวดล้อม สังคม ชุมชน แม้กระทั่งพนักงานในองค์กร สิ่งที่ทำนี้นอกจากจะเป็นประโยชน์กับตัวเองแล้ว ยังจะมีประโยชน์กับ Ecosystem ก็จะเกิดเป็นความสัมพันธ์ที่ดีและยั่งยืน

นิกม์ กล่าวต่อว่า ตลอด 6 เดือนจากนี้ โครงการ Krungsri ESG Award 2023 จะเป็นก้าวสำคัญสำหรับ ธุรกิจเอสเอ็มอี โดยผู้เข้าร่วมโครงการจะผ่านเข้าสู่กระบวนการประเมินและสัมภาษณ์โดยคณะกรรมการในหัวข้อต่างๆ ที่ครอบคลุมเนื้อหาในเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ นอกจากนั้นผู้ประกอบการจะได้รับคำแนะนำโดยตรงแบบเจาะลึกจากผู้เชี่ยวชาญด้าน ESG จากองค์กรระดับประเทศ เพื่อเป็นแนวทางพัฒนาธุรกิจทั้ง 3 มิติ และหลังจากนั้นคณะกรรมการจะใช้เวลาประมวลผลและพิจารณาคัดเลือกผู้ที่ได้รางวัลก่อนจะมีการประกาศในเดือนมิถุนายนนี้

ดวงกมล กล่าวทิ้งทายว่า โครงการ Krungsri ESG Award 2023 ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของการแข่งขัน แต่ทั้งหมดนี้ ธนาคารกรุงศรี ต้องการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการได้รู้จักตัวเองและได้แนวทางสร้างความพร้อมขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่เส้นทางสาย ESG ที่แม้ว่าจะเป็นเส้นทางที่ยาวไกล แต่ธนาคารฯ ยังคงเดินหน้าที่จะเป็นพลังสำคัญในการผลักดันให้เอสเอ็มอีได้นำแนวคิด ESG ไปใช้ดำเนินธุรกิจอย่างเป็นประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้เพื่อให้เราทุกคนสามารถร่วมเดินไปบนถนนสายนี้ด้วยกันได้อย่างยั่งยืน