Social Hubพื้นที่ทำงานยุคใหม่รองรับไฮบริดโมเดล

หลังผ่านสถานการณ์โควิด มา2ปีพื้นที่ทำงานปรับเปลี่ยน “Social Hub”เพื่อรองรับรูปแบบการทำงานแบบไฮบริดโมเดล ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารประสบการณ์และพื้นที่ทำงานมากขึ้น
นายอายุธพร บูรณะกุล กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์พื้นที่สำนักงานและการบริหารโครงการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “Social Hub ”หรือ ศูนย์กลางพบปะร่วมงาน จะเป็นนิยามใหม่ของพื้นที่ทำงาน เพื่อรองรับรูปแบบการทำงานแบบ Hybrid Model และ SMART Workplace ที่นำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารประสบการณ์และพื้นที่ทำงานมากขึ้น
ในปี 2564 พฤติกรรมการใช้งานพื้นที่ทำงานของพนักงานและผู้บริหารองค์กร พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงในความต้องการด้านพื้นที่ทำงานของพนักงานอย่างเห็นได้ชัด พนักงานมีความต้องการกลับเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศทุกวันเพียง 6% (ลดลงจากปีที่แล้วถึง 18%) และเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศ 3-4 วันต่อสัปดาห์ 34% (ลดลงจากปีที่แล้ว 7%)
ในขณะที่พนักงานจำนวน 25% อยากเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศเพียง 1-2 วันต่อสัปดาห์ (เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง 12%) และพนักงานมีความต้องการเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศแบบไม่มีกำหนดกฎเกณฑ์การเข้า-ออกหรือแบบยืดหยุ่นมากถึง 35% (เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วอย่างมีนัยสำคัญถึง 13%)
สอดคล้องกับพฤติกรรมรูปแบบการทำงานในอนาคตที่พนักงานส่วนใหญ่ต้องการ คือ Work From Home มากเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมา คือ Work Anywhere และการมีพื้นที่ทำงานร่วมกัน (Co-working Space) ที่องค์กรจัดหาให้ใกล้กับที่พักอาศัย โดยส่วนใหญ่เห็นว่าปัจจัยสำคัญในการกลับเข้ามาใช้พื้นที่ทำงานหลังสถานการณ์โควิด-19 คือ เพื่อเข้ามาทำงานร่วมกัน การเข้ามาจัดการงานเอกสาร การปริ้นต์เอกสาร และการเข้ามาเพื่อทำกิจกรรมกลุ่มร่วมกัน
เทรนด์พื้นที่ทำงานยุคใหม่
การก้าวกระโดดไปสู่รูปแบบพื้นที่ทำงานแบบ Experience-Based Workplace อาจทำให้พนักงานปรับตัวไม่ทัน การบริหารการเปลี่ยนแปลง หรือ Change Management จึงมีบทบาทสำคัญยิ่งในการสื่อสาร อบรม เตรียมความพร้อมให้พนักงานเข้าใจเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ดียิ่งขึ้น
รวมถึง ESG Workplace ควรคำนึงถึงกลยุทธ์ “ขนาดพื้นที่ทำงาน” เพราะเป็นยุทธศาสตร์แรกของสิ่งต่าง ๆ ที่จะตามมาไม่ว่าจะเป็น การใช้พลังงาน การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ค่าใช้จ่ายการจัดการดูแล และค่าเช่า การวางกลยุทธ์พื้นที่ทำงานที่เข้าใจพฤติกรรมการทำงาน และวิเคราะห์ขนาดพื้นที่ทำงานในองค์กรให้เหมาะสมจะช่วยทำให้องค์กรไปสู่การเป็นองค์กร Net Zero ได้ง่ายยิ่งขึ้น
ส่งผลให้สมการการคำนวณรูปแบบขนาดของพื้นที่ทำงานเปลี่ยนไปจากเดิม “พื้นที่ต่อคน (space per person)” มาสู่ “สัดส่วนที่นั่งต่อการใช้งานในหนึ่งหน่วยเวลา (seating per occupancy ratio)”







