‘ท่องเที่ยวไทย’ ส่อซึมยาว ศึกชิงทัวริสต์เดือด ‘จีน’ จุดขายครบรส ‘เวียดนาม’ คาดนิวไฮปีนี้

‘ท่องเที่ยวไทย’ ส่อซึมยาว ศึกชิงทัวริสต์เดือด ‘จีน’ จุดขายครบรส ‘เวียดนาม’ คาดนิวไฮปีนี้

จับสัญญาณชีพท่องเที่ยวไทยปี 69 ส่อซึมหนัก “บาทแข็ง” ซ้ำเติมสงครามชิงทัวริสต์ทั่วโลก-ภูมิภาคเอเชีย ร้อนระอุ “สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ” ชี้ “จีน” น่ากลัวสุดนาทีนี้ วางจุดขายครบรส ทั้งปลอดภัยสูง สินค้าครบวงจร ตอบโจทย์ทุกเซ็กเมนต์ ส่วน “ญี่ปุ่น” อานิสงส์เงินเยนอ่อนค่าดึงต่างชาติทะลัก 11 เดือนแรก 39 ล้านคน “เวียดนาม” ได้เปรียบต้นทุนถูกกว่าไทย หนุนยอดเดินทางนิวไฮปีนี้แตะ 21 ล้านคน “แอตต้า” ประเมินปี 69 คาดต่างชาติเที่ยวไทยซึม ทรงตัวเท่าปีนี้

ภาคการท่องเที่ยวไทยในปี 2569 มีปัจจัยท้าทายสารพัด โดยเฉพาะภาวะเงินบาทแข็งค่ากระทบต่อการตัดสินใจเดินทางและกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ท่ามกลางสงครามแย่งชิงนักท่องเที่ยว (Tourism War) จากคู่แข่งประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม ทั้งมีผลกระทบต่อเนื่องประเด็นความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย จากปัญหาสแกมเมอร์และกรณีพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา

นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ภาวะเงินบาทแข็งค่าเป็นปัจจัยน่ากังวลร่วม หรือ Common Pain ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทุกตลาด ซึ่งแข็งค่าเกินไปสำหรับการผลักดันภาคท่องเที่ยวให้เป็นแม่เหล็กทางเศรษฐกิจในตอนนี้ แม้เรื่องอื่นจะดี แต่ถ้าบาทแข็ง อาจทำให้มีข้อกังวลในการเดินทางมาเที่ยวไทย กระทบต่อขีดความสามารถในการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวแต่ละเซ็กเมนต์และระยะวันพำนักด้วย สวนทางกับนโยบายมุ่งสร้างการเติบโตด้านรายได้ของภาคท่องเที่ยว นับว่าท้าทายพอสมควรในการรักษาแรงส่ง (โมเมนตัม) เชิงบวกต่อการใช้จ่าย

“มองว่าระดับค่าเงินบาทที่เหมาะสมและช่วยให้ผู้ประกอบการอยู่รอดได้ ควรอยู่ที่ประมาณ 32 บาทปลายๆ ถึง 33 บาทต่อดอลลาร์ และต้องบริหารจัดการตะกร้าสกุลเงินอื่นๆ ควบคู่ด้วย”

เมื่อดูเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวระยะใกล้ (Short-haul) มี 2 ประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข ได้แก่ การสร้างความเชื่อมั่น ทั้งด้านความปลอดภัยที่บางตลาดอย่างชาวจีนยังกังวลอยู่ แม้ปัจจุบันจะดีขึ้น แต่ต้องเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นต่อเนื่อง รวมถึงตลาดมาเลเซียที่ต้องเร่งฟื้นความเชื่อมั่นให้กลับมาเที่ยว อ.หาดใหญ่ หลังน้ำท่วมใหญ่ นอกจากนี้การสร้างเสน่ห์ใหม่ให้กับภาคท่องเที่ยวไทยด้วยมุมมองใหม่ๆ เช่น การจัดอีเวนต์ เพื่อดึงดูดการเดินทางซ้ำ นับเป็นเรื่องเร่งด่วนเช่นกัน

ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกล (Long-haul) หลังแนวโน้มปี 2568 เติบโตดีในระดับ 2 หลัก บางตลาดมีจำนวนเกิน 1 ล้านคนแล้ว แต่ยังมีความท้าทาย 2 เรื่องคือการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ซึ่งตลาดยุโรปให้ความสำคัญอย่างมาก และประเด็นเรื่องกัญชาที่ตามกฎหมายกำหนดให้ใช้ได้เฉพาะทางการแพทย์ตามใบสั่งแพทย์เท่านั้น แต่ในเชิงปฏิบัติจริง ต้องการให้คุมเข้มอย่างจริงจังและมีการจัดโซนนิ่งที่ชัดเจน เพื่อความสบายใจของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว

‘ท่องเที่ยวไทย’ ส่อซึมยาว ศึกชิงทัวริสต์เดือด ‘จีน’ จุดขายครบรส ‘เวียดนาม’ คาดนิวไฮปีนี้ ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม

ชี้ “จีน” ครบรส-น่ากลัวที่สุด

สำหรับสงครามชิงนักท่องเที่ยวต่างชาติ มองว่าประเทศจีนครบรสและเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด โดยจีนไม่ได้มุ่งโปรโมตแค่การท่องเที่ยวภายในประเทศเท่านั้น แต่กำลังดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นด้วย เห็นได้จากการพัฒนาสินค้าท่องเที่ยวแบบครบวงจร มีความปลอดภัยสูง ตอบโจทย์ทุกเซ็กเมนต์ เช่น กลุ่มครอบครัว และใช้เทคโนโลยีเข้ามาลบอุปสรรคต่างๆ เช่น ด้านภาษา ด้านการชำระเงิน (Payment) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะที่คู่แข่งประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวอาจจะคิดถึงสินค้าท่องเที่ยวแค่บางมิติ โดยตอนนี้ได้เปรียบอย่างมากจากเงินเยนอ่อนค่า ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหล ไม่ใช่เฉพาะคนไทย แต่รวมถึงนักท่องเที่ยวยุโรปและสหรัฐที่ขยายตัวโดดเด่นมากในปี 2568 ส่วนเวียดนามมีความได้เปรียบด้านต้นทุนที่ถูกกว่าไทย ทำให้ไทยสูญเสียบางตลาดแก่เวียดนาม เห็นแนวโน้มนักท่องเที่ยวรัสเซียเลือกไปเที่ยวเกาะฟู้โกว๊กแทน ซึ่งราคาถูกกว่าภูเก็ต

‘ท่องเที่ยวไทย’ ส่อซึมยาว ศึกชิงทัวริสต์เดือด ‘จีน’ จุดขายครบรส ‘เวียดนาม’ คาดนิวไฮปีนี้

 

“แอตต้า” คาดปี 69 ต่างชาติเที่ยวไทยทรงตัว

นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกกิตติมศักดิ์และประธานที่ปรึกษาอาวุโส สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า แนวโน้มภาคการท่องเที่ยวไทยในปี 2569 คาดทรงตัวจากปี 2568 ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 32.8 ล้านคน เพราะยังมีปัจจัยลบโดยเฉพาะกรณีพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงความท้าทายเรื่องการฟื้นฟูภาพลักษณ์ความปลอดภัยของประเทศไทยในสายตานักท่องเที่ยวบางตลาด เช่น จีน ซึ่งเคยครองแชมป์เดินทางเข้าไทยสูงสุดเมื่อปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาดด้วยจำนวนกว่า 11 ล้านคน หลังเผชิญปัญหาสแกมเมอร์ ทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่กล้าเดินทางเข้าไทย หากสองประเด็นนี้ยังไม่สามารถแก้ไขได้ ปล่อยให้ยืดเยื้อ จะส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวไทยเจอความลำบากในปี 2569 ท่ามกลางการแข่งขันรุนแรงจากประเทศคู่แข่งต่างๆ ในเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม

“ประเทศต่างๆ ในเอเชียตอนนี้ต่างเข้ามาท้าชิงแย่งนักท่องเที่ยวแข่งกับไทย เรามีสินค้าท่องเที่ยว คนอื่นเขาก็มี ดีไม่ดี คนอื่นเขามีมากกว่าเราด้วยซ้ำ อย่างกรณีพิพาทระหว่างจีนกับญี่ปุ่น คนจีนยกเลิกการเดินทางไปญี่ปุ่น 4-5 แสนคน แต่ส่วนใหญ่เปลี่ยนจุดหมายไปเที่ยวเกาหลีใต้กับเวียดนามแทน ยังไม่ได้เลือกมาไทยอย่างที่อยากให้เป็น”

‘ท่องเที่ยวไทย’ ส่อซึมยาว ศึกชิงทัวริสต์เดือด ‘จีน’ จุดขายครบรส ‘เวียดนาม’ คาดนิวไฮปีนี้

ปี 2569 จึงเป็นปีที่ภาคเอกชนท่องเที่ยวต้องจับตาการทำงานของรัฐบาลใหม่อย่างมาก อยากให้มองภาคท่องเที่ยวเป็นหัวใจสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจ จึงอยากเห็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเข้ามากำกับดูแลภาคการท่องเที่ยว ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะอยู่ที่เดิม

“ปัญหาหลักที่อยากให้รัฐบาลใหม่เร่งแก้ไขคือเรื่องสแกมเมอร์และข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องรีบเคลียร์ เร่งเจรจาให้จบ อย่าปล่อยให้ยืดเยื้อ ไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว เมื่อนักท่องเที่ยวหาย เศรษฐกิจไทยก็ไปต่อไม่ได้”

‘ท่องเที่ยวไทย’ ส่อซึมยาว ศึกชิงทัวริสต์เดือด ‘จีน’ จุดขายครบรส ‘เวียดนาม’ คาดนิวไฮปีนี้

ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร

 

เที่ยวไทยแพงขึ้น คนจีนแห่ไปเวียดนาม

นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการ แอตต้า กล่าวว่า ปัจจัยเงินบาทแข็งค่าส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทยในการแข่งขันกับประเทศต่างๆ อย่างเวียดนามกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้เปรียบไทยในเรื่องต้นทุนค่าใช้จ่าย ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมใกล้เคียงกัน แต่สามารถชูจุดขายความสดใหม่จากสินค้าท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น แหล่งท่องเที่ยวแบบมนุษย์สร้าง (Man-made Attraction) นอกจากนี้ยังไม่มีปัญหาความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวต้องกังวล

“ยิ่งตอนนี้เศรษฐกิจไทยไม่ได้ดีมากนัก พอเจอบาทแข็ง ยิ่งกลายเป็นปัญหาหนัก หากค่าเงินบาทแข็งค่าหลุดกรอบ 30 บาทต่อดอลลาร์ คาดว่าจะกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทยไปอีกยาว ทำให้แข่งขันได้ยาก”

ทั้งนี้มองว่าค่าเงินบาทที่เหมาะสมที่สุดคือระดับ 40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ใกล้เคียงยุคหลังวิกฤติต้มยำกุ้งที่ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพ เอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยทั้งภาคการส่งออกและท่องเที่ยวหรืออย่างน้อยควรอ่อนค่ากลับไปที่ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ปัจจุบันเงินบาทแข็งค่า 20% เมื่อเทียบกับเงินหยวนปีที่แล้ว เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเลือกไปเที่ยวจุดหมายอื่นที่ถูกกว่า ค่อยมาไทยทีหลัง จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลค่าเงินบาทให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจไทย ไม่ให้แข็งค่าผิดปกติ

‘ท่องเที่ยวไทย’ ส่อซึมยาว ศึกชิงทัวริสต์เดือด ‘จีน’ จุดขายครบรส ‘เวียดนาม’ คาดนิวไฮปีนี้

อดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์

 

บาทแข็งหนุน “ไทยเที่ยวนอก” 11-12 ล้านคน

นายธนพล ชีวรัตนพร นายกแอตต้า และกรรมการผู้จัดการบริษัท ควอลิตี้ เอ็กซ์เพรส จำกัด กล่าวว่า หลังจากเงินบาทแข็งค่ามาแล้วกว่าครึ่งปี มีผลกระทบทั้งในมุมนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย (Inbound) ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเที่ยวไทยแพงขึ้น ในภาวะการแข่งขันรุนแรงของภาคท่องเที่ยวโลก คู่แข่งได้โอกาสดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่าไทย

‘ท่องเที่ยวไทย’ ส่อซึมยาว ศึกชิงทัวริสต์เดือด ‘จีน’ จุดขายครบรส ‘เวียดนาม’ คาดนิวไฮปีนี้ ธนพล ชีวรัตนพร

 

ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวไทยไปต่างประเทศ (Outbound) บาทแข็งค่ามีผลในเชิงจิตวิทยาการเดินทางและจับจ่ายของกลุ่มที่มีกำลังซื้อและมีแผนไปเที่ยวต่างประเทศอยู่แล้ว โดยคาดว่าปี 2569 จะมีคนไทยเที่ยวต่างประเทศ 11-12 ล้านคน ใกล้เคียงกับปี 2568 ใช้จ่ายเฉลี่ย 40,000 บาท/คน/ทริป หรือคิดเป็นรายได้ 4.4-4.8 แสนล้านบาท

จุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 คือจีน ซึ่งน่าจะมีคนไทยไปเที่ยวมากถึง 2 ล้านคน รองลงมาคือญี่ปุ่น มีมากกว่า 1 ล้านคน หลังช่วง 11 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ย.) ของปี 2568 มีนักท่องเที่ยวไทยไปญี่ปุ่น สะสมแล้วกว่า 1.06 ล้านคน เติบโต 5.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

‘ท่องเที่ยวไทย’ ส่อซึมยาว ศึกชิงทัวริสต์เดือด ‘จีน’ จุดขายครบรส ‘เวียดนาม’ คาดนิวไฮปีนี้

 

ท่องเที่ยวญี่ปุ่น 11 เดือนโกย 39 ล้านคน

สถิติล่าสุดจากการรายงานขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) ระบุว่า ภาพรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าญี่ปุ่นสะสมตลอด 11 เดือนแรก มีจำนวน 39.06 ล้านคน เติบโต 17% เทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

โดยตลาด 10 อันดับแรกที่เดินทางเข้าญี่ปุ่นมากที่สุด ได้แก่ จีน 8.76 ล้านคน เติบโต 37.5% ยังคงครองอันดับ 1 แม้ว่าเดือน พ.ย. จะมีจำนวน 5.62 แสนคน เติบโตลดลง เพิ่มขึ้นเพียง 3% เทียบเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว หลังเกิดข้อพิพาทระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ต่างจากเดือน ต.ค. ที่มีจำนวน 7.15 แสนคน เติบโต 22.8% รองลงมาคือตลาดเกาหลีใต้ 8.48 ล้านคน เติบโต 6.7%, ไต้หวัน 6.17 ล้านคน เติบโต 11.2%, สหรัฐ 3.03 ล้านคน เติบโต 22.1%, ฮ่องกง 2.22 ล้านคน หดตัว 7.2%, ไทย 1.06 ล้านคน เติบโต 5.7%, ออสเตรเลีย 9.37 แสนคน เติบโต 16%, ฟิลิปปินส์ 7.69 แสนคน เติบโต 8.4%, เวียดนาม 6.34 แสนคน เติบโต 9.2% และแคนาดา 6.3 แสนคน เติบโต 18.8%

ส่วนตลาดยุโรปเที่ยวญี่ปุ่นพบว่ามีอัตราการเติบโตสูงมาก เช่น สหราชอาณาจักร มีจำนวนสะสม 5 แสนคน เติบโต 23%, ฝรั่งเศส 4.31 แสนคน เติบโต 18.4%, เยอรมนี 4.09 แสนคน เติบโต 32%, อิตาลี 2.87 แสนคน เติบโต 34%, สเปน 2.32 แสนคน เติบโต 35% และรัสเซีย 1.86 แสนคน เติบโต 100%

‘ท่องเที่ยวไทย’ ส่อซึมยาว ศึกชิงทัวริสต์เดือด ‘จีน’ จุดขายครบรส ‘เวียดนาม’ คาดนิวไฮปีนี้

 

เวียดนามคาดนิวไฮ 21.5 ล้านคนปีนี้

รายงานข่าวจากการท่องเที่ยวเวียดนาม (VNAT) คาดการณ์ว่าตลอดปี 2568 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าเวียดนาม 21.5 ล้านคน หลังจากเพิ่งมีจำนวนแตะ 20 ล้านคนไปเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ทั้งนี้เวียดนามตั้งเป้าหมายเชิงท้าทายว่าในปี 2569 จะสามารถดึงดูดได้มากถึง 25 ล้านคน

ตามรายงานล่าสุดของสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม ระบุว่าการท่องเที่ยวของเวียดนามทุบสถิติใหม่ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 19.1 ล้านคนในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2568 เติบโต 20.9% สามารถแซงตัวเลข 18 ล้านคนของปี 2562 ก่อนโควิดได้สำเร็จ โดยตลาด 10 อันดับแรกที่เดินทางเข้าเวียดนามมากที่สุด ได้แก่ จีน 4.79 ล้านคน เติบโต 43.1% รองลงมาคือเกาหลีใต้ 3.94 ล้านคน ไต้หวัน 1.13 ล้านคน สหรัฐ 7.66 แสนคน ญี่ปุ่น 7.54 แสนคน อินเดีย 6.56 แสนคน กัมพูชา 6.14 แสนคน รัสเซีย 5.93 แสนคน มาเลเซีย 5.1 แสนคน และออสเตรเลีย 4.96 แสนคน

‘ท่องเที่ยวไทย’ ส่อซึมยาว ศึกชิงทัวริสต์เดือด ‘จีน’ จุดขายครบรส ‘เวียดนาม’ คาดนิวไฮปีนี้
 

ต่างชาติเที่ยวไทย 11 เดือนติดลบ 7%

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยช่วง 11 เดือนแรกของปี 2568 มีจำนวนสะสม 29.6 ล้านคน ลดลง 7.25% สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 1.37 ล้านล้านบาท ลดลง 4.72%

สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยสูงสุด 10 อันดับแรกในช่วง 11 เดือน ได้แก่ มาเลเซีย4.17 ล้านคน จีน4.1 ล้านคน อินเดีย 2.22 ล้านคน รัสเซีย 1.63 ล้านคน เกาหลีใต้ 1.4 ล้านคน ญี่ปุ่น 9.85 แสนคน สหรัฐ 9.53 แสนคน สหราชอาณาจักร 9.44 แสนคน ไต้หวัน 9.01 แสนคน และสิงคโปร์ 8.53 แสนคน

‘ท่องเที่ยวไทย’ ส่อซึมยาว ศึกชิงทัวริสต์เดือด ‘จีน’ จุดขายครบรส ‘เวียดนาม’ คาดนิวไฮปีนี้

‘ท่องเที่ยวไทย’ ส่อซึมยาว ศึกชิงทัวริสต์เดือด ‘จีน’ จุดขายครบรส ‘เวียดนาม’ คาดนิวไฮปีนี้