VGI ไตรมาส 1 ปี 65/66 กำไร 25 ล้านบาท พุ่ง 153.5% รับเศรษฐกิจฟื้นดี - ผลควบรวมแฟนสลิ้งค์

VGI ไตรมาส 1 ปี 65/66 กำไร 25 ล้านบาท พุ่ง 153.5% รับเศรษฐกิจฟื้นดี - ผลควบรวมแฟนสลิ้งค์

วีจีไอ เผยไตรมาส 1 ปี 65/66 กำไร 25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 153.5% จากรายได้ 1,042 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 74.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังเศรษฐกิจฟื้นตัวรับเปิดประเทศ และรับผลควบรวม "แฟนสลิ้งค์ คอมมูนิเคชั่น"

บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า  ผลการดำเนินงาน (ไตรมาส 1 ปี 2565/66 สิ้นสุด ณ 30 มิ.ย. 2565  เทียบกับไตรมาส 1 ปี 2564/65)  มีกำไรสุทธิ 25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 153.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 10 ล้านบาท  และมีรายได้รวม 1,042 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 74.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน 596 ล้านบาท 

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 เศรษฐกิจไทย เริ่มมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น โดยเป็นผลมาจากการผ่อนปรนมาตรการ การควบคุมโรค COVID-19 ต่างๆ รวมถึงความต้องการสินค้า และบริการในประเทศ และปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นที่มีปัจจัยสนับสนุนจากการกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม การบุกรุกประเทศยูเครน โดยประเทศรัสเซียได้ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจากแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้กำลังซื้อของภาคครัวเรือนมีแนวโน้มลดลง

อย่างไรก็ตาม VGI ได้เริ่มต้นไตรมาส 1 ปี 2565/66 ด้วยผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง เป็นผลมาจากการควบรวมผลการดำเนินงานแบบเต็มไตรมาสของบริษัท แฟนสลิ้งค์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด
(*Fansink") ที่บันทึกภายใต้ธุรกิจการจัดจำหน่าย ขณะที่ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน และธุรกิจบริการด้านดิจิทัลมีการฟื้นตัวเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน มีรายได้ 411 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.8% YOY จาก 378 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส และรายได้จากการขายแพ็กเกจสื่อโฆษณา 'Street View

-สื่อโฆษณาในระบบขนส่งมวลชน มีรายได้ 392 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.4% YoY จาก 349 ล้านบาท
-สื่อโฆษณาในอาคารสำนักงาน และอื่นๆ มีรายได้ 19 ล้านบาท ลดลง 34.9% YoY
-ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.5% YOY โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการใช้จ่ายผ่าน
-บัตรแรบบิท รวมถึงการขายบัตรแรบบิทที่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการบริหารโครงการภายใต้กลุ่มแรบบิท
-ธุรกิจการจัดจำหน่าย มีรายได้อยู่ที่ 370 ล้านบาท จากการควบรวมผลการดำเนินงานของ Fansink แบบเต็มไตรมาส ที่เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 รายได้อื่น อยู่ที่ 253 ล้านบาท จากการรับรู้กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุน ทั้งนี้การควบรวมผลการดำเนินงานของ Fansink ส่งผลให้ต้นทุนการให้บริการ และการขายเพิ่มขึ้น 89.2% YoY มาอยู่ที่ 776 ล้านบาท

ขณะที่อัตราต้นทุนต่อรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 74.5% จาก 68.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 31.1% เป็น 25.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ในขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายในการขาย และการบริหารเพิ่มขึ้น 57.6% YoY มาอยู่ที่ 395 ล้านบาท โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย  และการบริหารต่อรายได้ ลตลงจาก 42.1% มาอยู่ที่ 38.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากอัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มากกว่าค่าใช้จ่ายในการขาย และการบริหาร


บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้า และบริษัทร่วมจำนวน 101 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่รับส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 38 ล้านบาท ซึ่งการรับรู้ผลขาดทุนดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากกลยุทธ์การแข่งขันด้านราคาเชิงรุกในอุตสาหกรรม
โลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำไปสู่การชะลอตัวในผลการดำเนินงานของบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์