กองทุน จับจังหวะลงทุนไตรมาส 2/65 สะสม 'หุ้นนอก' ราคาน่าสนใจ-โตเด่น

กองทุน จับจังหวะลงทุนไตรมาส 2/65 สะสม 'หุ้นนอก' ราคาน่าสนใจ-โตเด่น

"บลจ.เอ็มเอฟซี” ชูกลยุทธ์ลงทุนไตรมาส 2 นี้ หุ้นสหรัฐเติบโตคุณภาพดี ราคากลับมาน่าสนใจใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 5 ปีก่อนเล็งปั้นกองใหม่ลงทุนสั้นดึงเงินลงทุน บลจ.กสิกรไทย ชี้หุ้นนอกรับข่าวร้ายไปมากแล้ว “จีน-ญี่ปุ่น-เวียดนาม” ยังเติบโตในระยะถัดไป 

นายชาญวุฒิ  รุ่งแสงมนูญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกองทุนต่างประเทศ บลจ. เอ็มเอฟซี เปิดเผยว่า มุมมองกลยุทธ์การลงทุนไตรมาสที่ 2 ปี 2565  การลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นยังให้ผลตอบแทนเป็นบวกดีกว่าตราสารหนี้  โดยเฉพาะหุ้นสหรัฐจะเคลื่อนไหวออกข้างทิศทางขาขึ้น

จากปัจจัยหนุนด้านราคากลับมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยดัชนี S&P 500 มีค่า Forward พี/อี อยู่ที่ 19.8 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมา และตลาดยังรับรู้ปัจจัยเชิงลบทั้งความตึงเครียดรัสเซียกับยูเครน การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดไปมากแล้ว  

แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นสหรัฐเติบโตคุณภาพดี (Quality Growth Stock) ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูง มีกำไรรายได้สม่ำเสมอ มองยังทนทานกับภาวะเศรษฐกิจช่วงที่เงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้นได้ มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงกว่าตลาดเฉลี่ยผลตอบแทน 10% ต่อปี  โดยตลาดย่อตัวลงช่วงนี้เป็นโอกาสทยอยสะสมได้  เช่น หุ้นเทคโนโลยี  

ล่าสุด บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาออกกองทุนใหม่ภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว เป็นการลงทุนระยะสั้นสร้างกำไรได้ในปีนี้ เพื่อให้ผู้ลงทุนได้ผลตอบแทนโดยไม่ต้องรอนานเป็นปี เพราะมองว่านักลงทุนอาจกังวลตลาดแกว่งตัวผันผวนมากทำให้ปีนี้มีเงินลงทุนไม่มากนัก 

นายนาวิน อินทรสมบัติ  รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ  บลจ. กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นโลกโดยรวมปรับตัวลงสะท้อนข่าวร้ายต่างๆ ไปมากแล้ว และระยะถัดไป แม้ความผันผวนระยะสั้นยังมีสูง แต่จากเศรษฐกิจโลกยังมีทิศทางเติบโต  

ทำให้เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อ "ตลาดหุ้นโลก” ฟื้นตัวได้ตามปัจจัยพื้นฐานที่แตกต่างไปในแต่ละภูมิภาค ราคาที่ปรับตัวลงมาค่อนข้างมากช่วงที่ผ่านมานี้ มองว่าในช่วงไตรมาส 2 นี้ น่าทยอยสะสมลงทุนยาว 

แนะลงทุน “หุ้นจีน” หลังจีนมีความพร้อมเข้ามาหนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ตั้งเป้าโต 5.5% ปีนี้ ส่งสัญญาณอาจลดความเข้มงวดจัดการกับกลุ่มเทค รวมถึงการจัดการกับโควิดที่ยืดหยุ่นขึ้น เพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ด้านราคาหุ้นจีนปรับตัวลงมากจนมีระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว สะท้อนข่าวร้ายต่างๆ ไปมากแล้วระยะถัดไปน่าจะเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจน  

รวมถึง “หุ้นญี่ปุ่น” มีทิศทางนโยบายการเงินยังคงผ่อนคลาย คาดการณ์กำไรบริษัทยังคงปรับขึ้น และระดับราคาหุ้นต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ และ “หุ้นเวียดนาม” มีการเติบโตโดดเด่นทั้งในแง่ของเศรษฐกิจและตลาดหุ้น   

มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย)” รายงานข้อมูลกองทุนรวมต่างประเทศ (ไม่รวม Term Fund) ไตรมาส 1 ปี 65  มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (AUM) 1.1 ล้านล้านบาท ลดลง 8.4% จากสิ้น 64  จากทุกประเภทกองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินหดตัว

สาเหตุเกิดจากผลตอบแทนเฉลี่ยกองทุนตราสารทุนที่เป็นกลุ่มหลักส่วนใหญ่ติดลบ เช่น หุ้นโลก ,หุ้นจีน ,หุ้นเทคโนโลยี  รวมทั้งเม็ดเงินไหลออกสุทธิ โดยเฉพาะกลุ่มตราสารหนี้ต่างประเทศ