สงขลาครวญงด ‘สาดน้ำ’ 3 ปี เงินหาย 3 พันล้าน

สงขลางดกิจกรรมสงกรานต์เป็นปีที่ 3 ด้านเอกชนทำใจยอมรับเสียโอกาสทางเศรษฐกิจปีละ1,000ล้านบาทเมินปัจจัยหนุนเปิดด่านทางบกไทย-มาเลเซีย1เมษาฯไม่ช่วย ย้ำเดินตามแผนฟื้นท่องเที่ยวระยะยาวตั้งเป้าไตรมาสสุดท้ายดันตัวเลขนักท่องเที่ยว60%

เทศกาลวันสงกรานต์เป็นความหวังที่ภาครัฐและเอกชนเชื่อว่าที่เป็นตัวช่วยที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวได้ แต่ในภาวะที่ยังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การจัดกิจกรรมเป็นไปในลักษณะมีเงื่อนไข ภายใต้มาตรการของศบค.ล่าสุดจังหวัดสงขลางดจัดกิจกรรมสงกรานต์ติดต่อกันเป็นปีที่ 3

นายสมพล ชีววัฒนาพงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.สงขลา เปิดเผยว่า แม้เทศกาลสงกรานต์จะเป็นกิจกรรมไฮไลท์สำหรับการท่องเที่ยวที่ จ.สงขลา โดยเฉพาะงาน “หาดใหญ่มิดไนท์สงกรานต์” ที่สร้างรายได้หมุนเวียนนับพันล้านบาทแต่จำเป็นต้องงดกิจกรรมติดต่อกันเป็นปีที่ 3 จากผลพวงของสถานการณ์โควิด-19 ทำให้สูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจไปอย่างน่าเสียดาย

โดยเฉพาะปีนี้ที่มีแนวโน้มที่ดีมากจากมาตรการเปิดด่านทางบกที่ด่านพรมแดนไทย-มาเลเซียที่ด่านสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ในวันที่ 1เม.ย.นี้ แต่ก็น่าเสียดายที่เงื่อนไขต่างๆภายใต้ศบค.กำหนด รวมถึงความพร้อมของภาคธุรกิจไม่สามารถที่จะปลดล็อกให้เป็นภาวะปกติได้ โดยเฉพาะกิจกรรมสงกรานต์ที่มีรูปแบบและพฤติกรรมที่อาจสุ่มเสี่ยงในการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้จำเป็นต้องยึดมาตรการเดิมคืองดจัดกิจกรรมสงกรานต์ออกไปอีก 1ปี เพื่อไม่ให้กระทบแผนงานระยะยาวที่ตั้งเป้าหมายไว้

ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.สงขลา กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันภาคเอกชนประเมินว่าจะใช้ห้วงเวลาทั้ง 2 เหตุการณ์นี้ คือทั้งการเปิดด่านไทย-มาเลเซีย 1 เม.ย.และเทศกาลสงกรานต์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลใหม่เพื่อใช้เป็นฐานในการวิเคราะห์แผนระยะยาวในช่วงปลายปี65 ที่ตั้งเป้าว่าเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวสงขลาจะค่อยๆฟื้นตัวหลังสงกรานต์ประมาณ 3เดือน หรืออยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป ซึ่งหากไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามาเป็นอุปสรรคก็เชื่อว่าในไตรมาสสุดท้ายของปี 65 จะมีนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะมาเลเซียเข้ามาประมาณ50-60%ซึ่งทั้งหมดเป็นแผนระยะยาวที่ภาคเอกชนคาดหวัง