คลังเกาะติด ”สงคราม - โควิด” หวั่นกระทบจีดีพี

คลังเกาะติด ”สงคราม - โควิด” หวั่นกระทบจีดีพี

คลังชี้เศรษฐกิจไทยในเดือนก.พ.ได้รับปัจจัยหนุนจากการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชน โดยเฉพาะในหมวดสินค้าคงทน การส่งออกสินค้า และภาคการท่องเที่ยว ขณะที่ เกาะติดสงคราม และโควิด-19 หวั่นกระทบจีดีพี

นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนก.พ. 2565 ว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนดังกล่าว ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชน โดยเฉพาะในหมวดสินค้าคงทน การส่งออกสินค้า และภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย และยูเครน อย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 27.7% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล 1.1%

สอดคล้องกับการบริโภคสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 19.1% และ 14.4% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล 0.2% และ 7.8% ตามลำดับ และรายได้เกษตรกรที่แท้จริงก็ขยายตัวเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 3.2%

 อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 43.3 จากระดับ 44.8 ในเดือนม.ค.2565 เนื่องจาก ผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ Omicron และผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย และยูเครนที่ส่งผลให้ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น

ด้านเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในเดือนก.พ.2565 ขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 29.8% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 8.2%

สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนก.พ.2565 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 0.6% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -0.7% ขณะที่ ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 5.2% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 4.1%

สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนก.พ. 2565 อยู่ที่ 23,483 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันที่ 16.2% โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกไปประเทศคู่ค้าหลักของไทยที่ขยายตัวต่อเนื่องในเกือบทุกตลาด อาทิ อาเซียน 5 ฮ่องกง เกาหลีใต้ สหรัฐ และอินเดีย ที่ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 31.5% 29.8% 28.9% 27.2% และ 23.0% ตามลำดับ

ด้านเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยภาคเกษตร สะท้อนจาก ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือนก.พ. 2565 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 8.5% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 3.4% จากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตสำคัญ เช่น ข้าวเปลือก ยางพารา ไข่ไก่ และสินค้าในหมวดประมง เป็นต้น

สำหรับด้านบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนก.พ. 2565 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 152,954 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย เยอรมนี ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และสหรัฐ เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนก.พ. 2565 จำนวน 15.28 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 72.4% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 17.6%

ขณะที่ ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนก.พ. 2565 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 86.7 จากระดับ 88.0 ในเดือนม.ค. 2565 เนื่องจาก มีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ Omicron ที่พบผู้ติดเชื้อมากขึ้น และความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย และยูเครน ทำให้ราคาพลังงานเพิ่มขึ้น และส่งผลต่อต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการสูงขึ้น

เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้มีปัจจัยกดดันจากระดับราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนก.พ.2565 อยู่ที่ 5.28% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.8% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนม.ค. 2565 อยู่ที่ 59.9% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561

สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนก.พ.2565 อยู่ในระดับสูงที่ 245.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

 

พิสูจน์อักษร  โดย....สุรีย์   ศิลาวงษ์