CHG - แนวโน้มไม่สดใส (วันที่ 2 มีนาคม 2565)
เราประมาณการกำไรปี FY22F จะลดลง 69% เนื่องจากรายได้ที่เกี่ยวกับโควิดจะลดลงตามการปรับลดการเบิกจ่ายของสปสช. และคาดการระบาดของโควิดจะจบลงในกลางปี 2022
ในระยะสั้นราคาหุ้นจะได้รับแรงหนุนจากเงินปันผล 0.17 บาทต่อหุ้น ผลตอบแทน 4.7% (XD วันที่ 5 พ.ค.) คงคำแนะนำ ถือ
ประมาณการกำไร FY22F ลดลง 69% เป็น 1.3 พันลบ.
เป็นผลจากรายได้เกี่ยวกับวิดลดลง ประมาณการรายได้และอัตรากำไรสุทธิของเราสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัท
รายได้เกี่ยวกับโควิดลดลง
รายได้เกี่ยวกับโควิดคิดเป็นสัดส่วน 52% ของรายได้รวมในปี FY21 สะท้อนว่า CHG จะได้รับผลกระทบของการอนุมัติของครม. ในการลดราคาเบิกจ่ายการตรวจและรักษาโควิด ตั้งแต่ 1 มี.ค.อัตราเบิกจ่ายสำหรับการรักษาผู้ป่วยสีเขียว จำนวน 1-6 เหมาจ่าย 6,000 บาท หากมากกว่า 7 วันเหมาจ่าย 12,000 บาท, ปรับลดการเบิกจ่ายการตรวจ ATK ลดลงจาก 300-400 บาทเป็น 250-350 บาท และการตรวจ RT-PCR แบบ 3 ยีนจาก 1,500 บาทเป็น 1,100 บาท นอกจากนี้ คาดว่าจำนวนผู้ป่วยโควิดจะลดลงจากการระบาดที่คาดว่าจะสิ้นสุดในกลางปี 2022
รายได้ที่ไม่ใช่โควิดเพิ่มขึ้นจะช่วยลดผลกระทบ
เราคาดรายได้มากขึ้นจาก (i) ผู้ป่วยประกันสังคม – โดยมีโควตาเพิ่มขึ้น 7% เป็น 562,000 คน; (ii) รายได้บริหารศูนย์หัวใจ (Fig. 6) หลังการอนุมัติจากสปสช. ในสัปดาห์ที่ผ่านมา; (iii) บริการฉีดวัคซีนโมเดอร์นา (594 ลบ.); และ (iv) จำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้น
แผนการขยายงาน
CHG วางแผนเปิดโรงพยาบาล Sherawat ขนาด 50 เตียง (ศูนย์มะเร็ง) ในระยองในปี 2022 และ CH แม่สอด ขนาด 100 เตียงในปี 2023 และสร้างโรงพยาบาลใหม่ในระยอง อย่างไรก็ตามมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในระยองจากผู้แข่งขันรายใหม่ ได้แก่ RJH, BCH, BDMS และ PTT นอกจากนี้ CHG กำลังเจรจาบริหารศูนย์หัวใจให้โรงพยาบาลรัฐบาลเพิ่มเติม