สรท.ถกแบงก์ชาติ รับมือหลังรัสเซียถูกตัดออกจาก SWIFT

สรท.ถกแบงก์ชาติ รับมือหลังรัสเซียถูกตัดออกจาก SWIFT

สรท.ถกแบงค์ชาติ เตรียมชำระเงินค่าสินค้าผ่านประเทศที่ 3 หากรัสเซียถูกตัดออกจาก SWIFT “จุรินทร์ “มอบปลัดพาณิชย์ถกภาคเอกชนรับมือผลกระทบรัสเซีย-ยูเครน 2 มี.ค.นี้

นายชัยชาญ  เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยภายหลังการหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับกรณีสหรัฐและชาติพันธมิตรจะตัดรัสเซียออกจากเครือข่ายการชำระเงินชำระเงินระหว่างธนาคารทั่วโลก หรือ SWIFT ว่า การตัดรัสเซียออกจากระบบ SWIFT กระทบต่อการชำระเงินทั่วโลกไม่เว้นแม้กระทั่งไทยโดยเฉพาะการชำระค่าสินค้าต่อผู้ส่งออกของไทยอย่างแน่นอน แต่ขณะนี้ยังไม่มีผลทันทีเพราะต้องรอการประชุม สมาคมโทรคมนาคมทางการเงินโลกหรือSWIFT อย่างเป็นทางการก่อน ซึ่งต้องติดตามว่าจะมีผลเมื่อไร อย่างไรก็ตามหากมีผลบังคับใช้จริงส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกไทยเพราะการชำระเงินต้องผ่านระบบSWIFT โดยผู้ส่งออกใช้ระบบการโอนเงินผ่าน SWIFT ระหว่างลูกค้าต่างประเทศอยู่แล้ว

ทั้งนี้แนวทางการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นอาจต้องหารือกับผู้นำเข้าของรัสเซีย โอนเงินผ่านประเทศที่ 3 ได้หรือไม่ในช่วงระยะนี้ แต่หากไม่สามารถทำได้ก็ต้องหาแนวทางอื่นซึ่งอาจต้องเสียเวลา และยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามยังคงหวังว่าสถานการณ์รัสเซียและยูเครน ไม่ยืดเยื้อและจะจบลงด้วยการเจรจา เพราะสถานการณ์เช่นนี้กระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก

"ถือเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับผู้ส่งออก เพราะผลิตสินค้าแล้วส่งออกแต่ไม่ได้รับการชำระค่าสินค้า ดังนั้นขณะนี้หากจะรับออเดอร์หรือผลิตสินค้าก็ต้องมีความชัดเจนว่าจะได้รับเงินค่าสินค้า หรือไม่อาจต้องขอชำระสินค้าล่วงหน้าบางส่วน เพื่อความปลอดภัยและป้องกันความเสี่ยง โดยขณะนี้กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ก็มีการสอบถามในเรื่องนี้มากขึ้น”นายชัยชาญ กล่าว

ทั้งนี้ได้ให้ผู้ส่งออกติดตามความเคลื่อนไหวของค่าเงิน ซึ่งคาดว่าน่าจะมีความผันผวนในเดือนมี.ค.นี้ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกของไทย โดยกลางเดือน มี.ค.นี้ทาง ธปท.ร่วมกับ สรท.จัดสัมมนาเตรียมความพร้อมให้กับผู้ส่งออกเพื่อรองรับความผันผวนด้านค่าเงินในช่วงไตรมาส 2

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เรื่องสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่ร่วมกับทุกส่วนราชการของกระทรวงพาณิชย์ ติดตามสถานการณ์ร่วมกับภาคเอกชนโดยใกล้ชิด ตั้งแต่เกิดประเด็น ระหว่างรัสเซีย-ยูเครนโดยวันที่ 2 มี.ค. 65 ได้ให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ประชุมร่วมกับภาคเอกชนอีกครั้ง เพื่อประเมินสถานการณ์ และจะเร่งแก้ปัญหาหน้างานร่วมกันให้เกิดผลดีที่สุดและกระทบในทางบวกกับการส่งออกนำเข้าไทยมากที่สุด และกระทบทางลบน้อยที่สุด

สำหรับเรื่องราคาน้ำมันที่เป็นห่วงว่าจะพุ่งสูง อาจกระทบภาคการผลิตและราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคในประเทศไทยได้ ขณะนี้ราคาน้ำมันยังทรงตัวอยู่ จากที่แตะ 100 ดอลลาร์ ขณะนี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ 98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป และเรื่องค่าเงินรูเบิลของรัสเซีย ซึ่งมีความสำคัญต่อการนำเข้าส่งออกของไทย ถือว่ายังไม่เสถียร มีบางช่วงแข็งค่าและอ่อนค่ายังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับสถานการณ์ระหว่างรัสเซียกับยูเครนด้วย

“ขณะนี้รัสเซีย กำลังพิจารณานำเข้าสินค้าจากไทยบางรายการ ต้องดูว่าค่าเงินยังมีความผันผวนมากน้อยแค่ไหน เมื่อค่าเงินรูเบิลมีความเสถียรแล้ว ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ โดยในภาพรวมยังไม่กระทบอย่างมีนัยยะสำคัญ”

รายงานข่าวระบุว่า นายจุรินทร์ ได้สั่งการ ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์เรียลไทม์ และปลัดกระทรวงพาณิชย์ประมวลผลรายงานรายวันทุกวันในระหว่างนี้ ทั้งนี้เพื่อปรับแผนรับมือสถานการณ์ทางการค้าการส่งออกและนำเข้าทั้งในส่วนของ รัสเซีย ยูเครน ยุโรปและสหรัฐ