มรสุม “จุรินทร์” ปมสินค้าแพงแรงกดดันใน-นอกสภาฯ

ปมปัญหาราคาสินค้าที่แพงขึ้น แบบครบวงจร ทั้งราคาน้ำมัน ค่าขนส่ง สินค้าอุปโภคบริโภค อาหาร ทำให้ประชาชนเดือดร้อนหนัก โดยเฉพาะวาทะ “แพงทั้งแผนดิน” เป็นหนึ่งในประเด็นที่ฝ่ายค้านหยิบยกขึ้นมาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือ เสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ในระหว่างวันที่ 17-18 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยพุ่งเป้าไปที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหน่วยงานที่ต้องดูแลโดยตรง

ประเดิมด้วย “หมูแพง” จากราคา100กว่าบาทต่อกก.พุ่งไปถึง200 -250 บาท ต่อกก. ทำให้คนไทยต้องซื้อหมูแพงเป็นประวัติศาสตร์  และยังมีปัญหาในเรื่องของการกักตุนหมูด้วย  ซึ่งฝ่ายค้านกล่าวหาว่า เป็นการการร่วมกันทุจริต กักตุนหมู ทำให้หมูแพง โดยมีการฟันกำไร กิโลกรัมละ 42 บาท ในช่วง 3 เดือน กว่า 18,900 ล้านบาท โดยผู้ที่ได้รับประโยชน์เป็นเจ้าของฟาร์มรายใหญ่  ข้าราชการประจำ และรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้อง  

นอกจากนี้ยังกล่าวหา รัฐบาลปกปิดข้อมูลการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever : ASF)  ทำให้ผู้เลี้ยงรายย่อยต้องทำลายหมูเพื่อป้องการแพร่ระบาด ขณะที่รายใหญ่ที่มีการเลี้ยงแบบปกปิดยังสามารถคงดำเนินการเลี้ยงได้  และผลิตหมูออกสู่ตลาด ทำให้ทุนใหญ่กินรวบแบบเบ็ดเสร็จ พร้อมเตรียมแจ้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เพื่อพิจารณาตรวจสอบซึ่งหากพบว่ามีรัฐมนตรีหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และมีผู้ได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้ จะถูกดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 173 174 175

ตามมาด้วยปัญหาราคาสินค้าแพง ซึ่งก็เป็นความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์เต็มๆ ซึ่งฝ่ายค้านนำมาโจมตีในสภา  เพราะปัญหา “ของแพง” ถือเป็นปัญหาปากท้องของกระทบกับประชาชนทุกหย่อมหญ้า  โดยในช่วงต้นปีเสียงสะท้อนจากประชาชนที่ออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า ของแพง  นักการเมืองต่างรู้ดี เพราะปมร้อน “ของแพง” หากแก้ไม่ได้ก็จะกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐและเจ้ากระทรวงที่ดูแลราคาสินค้า จึงไม่แปลกที่นายจุรินทร์ จะเร่งรีบสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม “ปมของแพง”ที่ฝ่ายค้านยกมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ไม่ได้เปิดแผลหรือสร้างแรงกดดันให้กับนายจุรินทร์ แม้แต่น้อย และไม่ได้เป็นเรื่องที่หนักหนาสำหรับนักการเมืองรุ่นเก๋าอย่าง”จุรินทร์” ที่ผ่านเวทีการอภิปรายไม่ไว้วางใจทั้งไม่ลงมติและลงมติ ครั้งนี้ก็เช่นกันและไม่ใช่ปมทุจริต แค่เป็นเพียงเรื่องของการบริหารราชการในการแก้ปัญหาเท่านั้น

ทั้งนี้“นายจุรินทร์”สามารถชี้แจงได้ทุกข้อกล่าวหา ส่วนใหญ่ก็เป็นแนวทางการแก้ปัญหาของกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้มีข้อมูลใหม่แต่อย่างใด แถมยังใช้เวทีสภา แจกแจงการบริหารงานเพื่อแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว และได้กำกับควบคุม ราคาสินค้าให้อยู่ในระดับที่ทรงตัวแล้วก็ราคาสินค้าก็ลดลงมาหลายตัว โดยเฉพาะ ราคาหมูที่ลดลงทุกวัน  

การอภิปรายครั้งนี้จึงเป็นเพียงเวทีย่อยๆ พอหอมปากหอมคอก่อนปิดสภาในช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้ ซึ่งคอการเมืองเห็นตรงกันว่า ไม่น่าจะสร้างแรงกระเพื่อมให้กับพรรคร่วมรัฐบาล สิ่งที่น่าจะกังวลมากกว่าคือ เกมการเมืองนอกสภา ที่จะสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับรัฐบาล ขณะที่นายจุรินทร์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังมีงานใหญ่คือ การสะสางปัญหาภายในพรรคที่ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ โดยเฉพาะสมาชิกพรรครุ่นเก่าทยอยลาออกจากพรรค อีกทั้งต้องเตรียมรับมือกับศึกใหญ่ คือ การช่วงชิงเก้าอี้ผู้ว่า กทม.ที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ