JUBILE เพชรพร้อมส่องประกายอีกครั้ง (18 ก.พ. 65)

JUBILE เพชรพร้อมส่องประกายอีกครั้ง (18 ก.พ. 65)

รายงานกำไร 9M64 ที่ 118 ลบ. -33%YoY  เนื่องจากมีการล็อกดาวน์ช่วง 3Q64 : 9M64 บริษัทมีรายได้ 941 ลบ. ลดลง 17%YoY เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ระหว่างวันที่ 12 ก.ค.-31 ส.ค. 64 ทำให้บริษัทฯ ต้องปิดสาขากว่า 60% จากสาขาที่มีกว่า 126 สาขา

โดยในเดือน ก.ย. 64 บริษัทได้กลับมาเปิดทำการตามปกติ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลงจาก 48.6% สู่ 47.5% เนื่องจากมีการออกโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขายในภาวะ COVID-19 ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวลง 7%YoY สู่ 299 ลบ. จากค่าธรรมเนียมธนาคารและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานขายที่ลดลง ทั้งนี้ บริษัทรายงานกำไร 9M64 ที่ 118 ลบ.   -33%YoY และคิดเป็น 56%ของประมาณการใหม่ และบริษัทรายงานกำไร 3Q64 ที่ 30 ลบ. -68%YoY แต่ +14%QoQ 

-  คาดผลประกอบการ 4Q64 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ QoQ และ +3%YoY หลังคลายล็อกดาวน์ : ฝ่ายวิจัยคาดว่ารายได้และกำไรใน 4Q64 จะเร่งตัวขึ้นแตะระดับสูงที่สุดในปีนี้ทั้งรายได้และกำไร เนื่องจากมีการจัดงานใหญ่ 3 งานอีเว้นท์ในเดือน พ.ย.-ธ.ค. 64 ช่วยกระตุ้นยอดขาย ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยจาก 9M64 ที่ 47.5% สู่ 46-47% เนื่องจากการขายในงานอีเว้นท์ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง ทั้งนี้เราคาดว่ารายได้ และกำไรสุทธิอยู่ที่ราว 550-570 ลบ. และ 85-95 ลบ. ตามลำดับ โดยกำไร 4Q64 จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ QoQ และเติบโต 3% YoY

 

 

 

 

 

 

-  ปรับลดประมาณการปี 64 ลง 28% และหดตัว 21%YoY แต่คาดว่ากำไรปี 65 จะกลับมาเติบโตอย่างโดดเด่น : แม้ว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบจาก COVID-19  แต่บริษัทได้ปรับตัวเป็นการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นโดยล่าสุดสัดส่วนรายได้จากออนไลน์เพิ่มขึ้นจาก 3-5% เป็น 6% อีกทั้งบริษัทได้จัดงานอีเว้นท์ 3 งานในเดือน พ.ย.-ธ.ค. 64 เพื่อกระตุ้นยอดขายช่วงปลายปี ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการณ์รายได้ปี 64 จาก 1.83 พันลบ. สู่ 1.5 พันลบ. ลดลง 18% เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ในไตรมาส 2-3/64 และปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นจาก 47.5% สู่ 47.0% เนื่องจากมีการออกโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขายใน 4Q64 ส่งผลให้เราปรับลดประมาณการปี 64 ลง 28% สู่ 211 ลบ. และหดตัว 21%YoY ขณะที่เราคาดว่ารายได้และกำไรปี 65 จะกลับมาขยายตัว 20%YoY และ 24%YoY สู่ 1.8 พันลบ. และ 263 ลบ. ตามลำดับ เนื่องจากคาดว่าโอกาสในการล็อกดาวน์ลดลงหลังกระทรวงสาธารณสุขประกาศให้ COVID-19 เป็นโรคประจำถิ่นและสามารถรักษาตัวที่บ้านได้หากอาการไม่รุนแรง 

-  คงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมปรับเพิ่มราคาเหมาะสมปี 65 สู่ 26.50 บาท : ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมด้วยวิธี PE Ratio โดยอิง Prospective P/E ที่ระดับ 17.5 เท่า (PE Ratio เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี+0.5S.D.) เพื่อให้สะท้อนถึงการฟื้นตัวของผลประกอบการตั้งแต่ 4Q64 ถึงปี 65 และประเมินกำไรต่อหุ้นปี 65 ที่ 1.51 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 26.50 บาทเพิ่มขึ้นจากราคาเหมาะสมปี 64 ที่ 25 บาท ซึ่งราคาเหมาะสมใหม่ที่ประเมินได้สูงกว่าราคาปิดล่าสุดจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยคาดหวังอัตราเงินปันผล 2.1%ต่อปี (บริษัทปรับลด Payout ratio จาก 60% เหลือ 40% ตั้งแต่ปี 63 เพื่อสำรองสภาพคล่องในภาวะ COVID-19)

 

 

ความเสี่ยง :    COVID-19 กลับมาระบาดรุนแรง
                  :    เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าแม้ปลดล็อกดาวน์จาก COVID-19