เปิดแผนลงทุน ทอท. พลิกวิกฤตเร่งขยาย “สุวรรณภูมิ”
ทอท.เดินหน้าลงทุน 7.8 พันล้านบาท ส่วนต่อขยายเทอร์มินัลสุวรรณภูมิ ย้ำเป็นโอกาสในช่วงวิกฤตโควิด เร่งสร้างลดผลกระทบผู้โดยสาร คาดตอกเสาเข็ม พ.ย.นี้ แล้วเสร็จเปิดบริการ 2568 รองรับผู้โดยสารกลับมาขยายตัว 65 ล้านคน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ครั้งที่ 1/2565 โดยรับทราบความก้าวหน้าของการดำเนินงานเพื่อก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion)
โดยที่ประชุมรับทราบการส่งมอบพื้นที่ของ บริษัท คิง พาวเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ซึ่งได้ส่งมอบพื้นที่บริเวณชั้น 2 Food Stop ที่เป็นพื้นที่ก่อสร้างอาคารส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ให้ ทอท. เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 30 ก.ค.2564 และคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. ในการประชุมได้มีมติอนุมัติงบลงทุนผูกพันเพิ่มเติมสำหรับการลงทุนก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ด้วยแล้ว เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2564
เนื่องจากส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออกได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไว้แล้ว ดังนั้นที่ประชุมจึงได้เห็นชอบให้ ทอท.ดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารดังกล่าว ซึ่งมีความพร้อมดำเนินการแล้ว และให้เร่งรัดเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างปรับแบบในเดือน ก.ค. 2565 และเริ่มก่อสร้างได้ในเดือน พ.ย. 2565 ใช้ระยะเวลา 29 เดือน แล้วเสร็จเปิดให้บริการได้ประมาณเดือน มี.ค. 2568
สำหรับการพัฒนาส่วนต่อขยายอาคารหลักด้านทิศตะวันออก ทอท.ประเมินว่าเมื่อดำเนินการก่อสร้างตามแผน จะทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีความพร้อมรองรับผู้โดยสารที่คาดว่าจะกลับมาในระดับประมาณ 65 ล้านคนต่อปี เท่ากับช่วงก่อนเกิดโรคโควิด-19 ได้ในปี 2568
นอกจากนี้ ประชุมได้มีมติมอบหมายให้ ทอท.เร่งรัดการดำเนินการจ้างองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เพื่อให้คณะกรรมการฯ ได้มีข้อมูลมาประกอบการพิจารณาร่วมกับผลการศึกษาของสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ที่เสนอให้พัฒนาส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) เพื่อให้บริการผู้โดยสารภายในประเทศและผู้โดยสารระหว่างประเทศ (Mixed Concept) เป็นแนวทางการทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังมีข้อสั่งการเพิ่มเติมให้ ทอท. ประสานสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในการเตรียมพร้อมรองรับปริมาณผู้โดยสารที่ IATA คาดการณ์ไว้ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการเดินทางอันดับ 9 ของโลก โดยจะมีผู้โดยสารเข้ามาในไทยถึง 200 ล้านคน รวมถึงให้ศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับการขนส่งทางอากาศในกรณีที่มีการพัฒนารถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูง
นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด หรือ ทอท.เผยว่า งบลงทุนสร้างส่วนต่อขยายอาคารหลักด้านทิศตะวันออก ทอท.ประเมินไว้ที่ 7,830 ล้านบาท โดยขณะนี้ ทอท.เตรียมงบลงทุนส่วนดังกล่าวไว้พร้อมแล้ว เนื่องจากเป็นโครงการที่ได้รับการอนุมัติจาก ครม.ไปก่อนหน้านี้ โดยยืนยันว่าการลงทุนในช่วงนี้เป็นเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารมาก เพราะยังมีปริมาณการเดินทางไม่สูง