วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (13 ม.ค. 65)

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ลดลงแตะดับต่ำสุดตั้งแต่ ต.ค. 61 ปรับตัวลดลงกว่า 4.6 ล้านบาร์เรล
+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 61 โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 ม.ค. 65 ปรับตัวลดลงกว่า 4.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 413.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับตัวลดลงราว 1.9 ล้านบาร์เรล
+ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ หลังตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนถึงภาวะเงินเฟ้อ ปรับตัวสูงที่สุดในรอบ 40 ปี ส่งผลให้ตลาดน้ำมันมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นสำหรับนักลงทุน เนื่องจากราคาน้ำมันจะมีราคาที่น่าดึงดูดใจมากขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
+ หลายประเทศสมาชิกในกลุ่มโอเปคและประเทศพันธมิตร (OPEC+) ยังคงประสบปัญหาในการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันดิบให้ได้ตามเป้าหมายของแต่ละประเทศ ส่งผลให้โดยรวมกลุ่ม OPEC+ ยังคงลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบกว่า 3 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อเทียบกับกำลังการผลิตทั้งหมด
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าปรับตัวสูงขึ้น 3 ล้านบ
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในภูมิภาคเอเชียยังคงฟื้นตัวได้ดี แม้จะเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน







