TITLEผนึกโบ๊ทพัฒนาทุ่ม 5.7 พันล. ปักหมุดพูลวิลล่าหรูเกาะแก้ว

2บิ๊กอสังหาฯ ภูเก็ตจับมือรุกตลาดลักชัวรี “ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้” TITLE ในเครือแอสเซทไวส์ ผนึก “โบ๊ทพัฒนา” พัฒนา 2 พูลวิลล่าหรู ทำเลเกาะแก้วเจาะดีมานด์ไทย–ต่างชาติ
ในวันที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตกำลังปรับโหมดจาก “ท่องเที่ยวระยะสั้น” สู่ “การอยู่อาศัยระยะยาว” การเคลื่อนไหวของผู้พัฒนารายใหญ่จึงสะท้อนทิศทางตลาดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ล่าสุด บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ในเครือ แอสเซทไวส์ (ASW) ประกาศผนึกกำลังกับ บริษัท โบ๊ทพัฒนา จำกัด พันธมิตรท้องถิ่นที่คร่ำหวอดในตลาดลักชัวรีภูเก็ต เปิดดีลพัฒนาโครงการบ้าน พูลวิลล่าระดับพรีเมียม บนทำเลศักยภาพ “เกาะแก้ว” มูลค่ารวม 5,700 ล้านบาท
ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเพิ่มซัพพลายใหม่ แต่คือการวางหมากเชิงกลยุทธ์บนพื้นที่กว่า 75 ไร่ ภายใต้ 2 โครงการหลัก Casa de Monte และ Villa del Luna โดยเริ่มพัฒนาเฟสแรกบนพื้นที่ 17 ไร่ จำนวน 37 ยูนิต พร้อมอาคาร Shop House เพื่อเติมเต็มการอยู่อาศัยในรูปแบบ มิกซ์ยูส ให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตครบวงจร
เกาะแก้ว ทำเล Long-Stay มาแรง
ทำเลเกาะแก้วถูกยกให้เป็นหนึ่งในโซนที่มีศักยภาพสูงสุดของภูเก็ต จากการเป็นจุดศูนย์กลางการใช้ชีวิตของทั้งครอบครัวชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่ม Expat และผู้พำนักระยะยาว (Long-Stay) ด้วยปัจจัยหนุนรอบด้าน ทั้งความใกล้กับโรงเรียนนานาชาติชั้นนำอย่าง British International School Phuket (BISP) และ Finnway International School Phuket รวมถึงการเดินทางที่สะดวกสู่ตัวเมือง สนามบิน และท่าเรือ
ผสานจุดแข็ง “แบรนด์–พื้นที่–ประสบการณ์”
การจับมือระหว่าง TITLE และโบ๊ทพัฒนา สะท้อนการรวมจุดแข็งของสองผู้เล่นที่ถนัดคนละด้าน TITLE ในฐานะแบรนด์ Leisure Residences ที่แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับในภูเก็ต นำความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการเพื่อการพักผ่อนและการอยู่อาศัยคุณภาพสูง มาผสานกับโบ๊ทพัฒนา ผู้เชี่ยวชาญอสังหาริมทรัพย์ลักชัวรีและมิกซ์ยูสที่มีรากฐานลึกในพื้นที่
ผลลัพธ์ที่คาดหวังคือการยกระดับมาตรฐานพูลวิลล่าภูเก็ต ทั้งในมิติของการเลือกทำเล การออกแบบ สเปซการใช้ชีวิต และประสบการณ์การอยู่อาศัย ที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้ซื้อระดับบนอย่างแท้จริง
ส่งสัญญาณบวกตลาดภูเก็ตปี 2569
โครงการดังกล่าวมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการใน ไตรมาส 1 ปี 2569 ซึ่งถือเป็นจังหวะสำคัญของตลาดภูเก็ต หลังดีมานด์จากต่างชาติเริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง และกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยระยะยาวมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ดีลนี้จึงไม่ใช่แค่การลงทุนมูลค่า 5,700 ล้านบาท แต่เป็นสัญญาณว่า ภูเก็ตยังคงเป็นสนามหลักของอสังหาริมทรัพย์ลักชัวรี และผู้เล่นที่เข้าใจทำเล เข้าใจลูกค้า และเลือกพันธมิตรได้ถูกจังหวะ ยังคงมีโอกาสเติบโตได้อย่างแข็งแรงในระยะยาว







