บล.หยวนต้า ชู 3 ธีมลงทุนปี 65 ‘อสังหา-ค้าปลีก-แบงก์’

บล.หยวนต้า ชู 3 ธีมลงทุนปี 65 ‘อสังหา-ค้าปลีก-แบงก์’

บล.หยวนต้า ชี้ไทม์มิ่งเหมาะลงทุน ก่อน30ธ.ค. นี้และ ก่อน 15 ก.พ. หลังคาดตัวเลขเศรษฐกิจพ.ย. และไตรมาส 4 ออกมาดีกว่าคาด แนะนำซื้อก่อนหุ้นขึ้น ชู 3กลุ่มน่าลงทุน ค้างปลีก อสังหาฯ แบงก์ หลังได้รับผลบวกจากเศรษฐกิจ การบริโภคในประเทศฟื้น

       นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ ประธานสายธุรกิจรายย่อย บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)กล่าวว่า คาดภาพรวมตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อหลังจากนี้ โดยครั้งแรกจะเป็นวันที่ 30ธ.ค. ในการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของธปท.ของเดือนพ.ย.ที่คาดออกมาดีเกินคาด จากภาพเศรษฐกิจฟื้นตัว และปรับขึ้นอีกครั้งคือ 15 ก.พ.หลังมีการประกาศตัวเลขไตรมาส 4ปี 2564 ที่คาดว่าจะออกมาดีเกินคาดการณ์ โดยคาดออกมาขยายตัว 2.5% หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนและ 1.5% หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

     ดังนั้นน้ำหนักของเศรฐษกิจไทยมีภาพที่ดีกว่าเศรฐกิจโลก โดยคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้โต 0.67% แต่ปีหน้าคาดโต 3.69% ซึ่งเหล่านี้เป็นโมเมนตัมในเชิงบวก ที่จะหนุนตลาดหุ้นไทยให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ทำให้คาดการณ์ฟันด์โฟลด์จะไหลเข้ามาในช่วงต้นปีได้ ดังนั้นในช่วง 30 ธ.ค. และกลางก.พ.เป็นไทม์มิ่งที่ดีในการลงทุน ดังนั้นสองช่วงนี้จึงเป็นจังหวะเข้าลงทุน หากมั่นใจว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวตามคาดให้เข้าซื้อ 16ธ.ค.ได้ 
     “ปัจจุบันท่องเที่ยวขึ้นมาระดับ 2แสนคนต่อเดือน จากก่อนหน้านี้ที่มีหลัก2-3หมื่นคน ทำให้เศรษฐกิจเทรนด์อะราวน์ บ่งบอว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมา จากแย่ เป็นพอ ดังนั้นหุ้นไทยมีสัญญาณที่ดี ไม่ใช่เฉพาะเศรษฐกิจไทยอย่างเดียว แต่กำไรต่อหุ้น EPS จากเดิมคาดต้นปีหน้ากว่า 70บาท ต่อหุ้น มาตอนนี้เป็น 92บาทต่อหุ้น แต่หกาจีดีพีดีขึ้นอีก คาดว่า 92บาทก็มีโอกาสขึ้นได้อีก ดังนั้นคาดเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกมองว่าจะขึ้นมากที่สุดอันดับต้นๆของโลก”

      สำหรับคาดการณ์ดัชนีหุ้นไทย กำไรต่อหุ้นหยวนต้าให้ไว้ที่ 92 บาท และมีโอกาสปรับตัวกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นได้อีกในอนาคต ดังนั้นดัชนีหุ้นไทยปีหน้า คาดว่าจะมีโอกาสไปที่ 1722 จุดได้ 
      ส่วนการแนะนำการลงทุน หุ้นที่น่าสนใจลงทุนคือ หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กมากกว่า เพราะหากมองข้ามช็อตไปถึงไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ปีหน้า ธีมการลงทุนที่เลือกลงทุน คือหุ้นที่เกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ เช่น หุ้นในกลุ่ม คอมเมิร์ธ ค้าปลีก ที่น่าจะเป็นจุดที่ต่ำแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ ผลประกอบการค้าปลีกลดลง เพราะกำลังซื้อไม่มี แต่ปัจจุบันดัชนีผู้บริโภคเริ่มปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 7 เดือน ดังนั้นหุ้นในกลุ่มคอมเมิร์ซน่าสนใจอันดับต้นๆ จากผลประกอบการที่ลงไปมาก

     เซกเตอร์ที่สอง คือที่อยู่อาศัย ที่ราคาขายที่อยู่อาศัยปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเซกเตอร์ที่น่าลงทุน อีกทั้งการจ่ายปันผลสูงอยู่ที 6-7% ขณะที่พีอีต่ำกว่า 10% เกือบทั้งกลุ่ม ดังนั้นโมเมนตัมมีโอกาสขยับขึ้น ดังนั้นกลุ่มที่อยู่อาศัยถือเป็นท็อปฮิตที่ชื่นชอบในขณะนี้ 
      สุดท้าย คือ กลุ่มธนาคาร ที่ผลประกอบการขึ้นลงตามวัฏจักรเศรษฐกิจ ทำให้หุ้นขณะนี้ Outperform ผลงานดีขึ้น บวกกับ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยหรือนิม มีโอกาสขยับเพิ่มยขึ้น จากบอนด์ยิลด์ของพันธบัตรที่มีโอกาสเพิ่มไปถึง 2% สำหรับ 10ปี ส่วนสินเชื่อมีทิศทางฟื้นตัว 
      สำหรับการลงทุนระยะสั้น แนะนำ 5 หุ้นเด่น คือ บมจ. ซีพีออล์ (CPALL) โดยให้ราคาเป้าหมาย  69 บาท  ซึ่งเป็นหุ้นที่มีโอกาสเติบโตขึ้นจากการบริโภคที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง  ,2.บมจ.ดูโฮม( DOHOME) ให้ราคาเป้าหมาย 31.20บาท , บมจ. แลนด์แอนด์เฮ้าส์( LH)ให้ราคาเหมาะสม 10.20บาท ซึ่งมีค่าพี/อีปีหน้ า12เท่า ขณะที่ปันผล 6.5% คาดกำไรโต 7% ในปีหน้า และ บริษัทเอสซี แอสเสท(SC) ให้ราคาเหมาะสม 4.50 บาท พีอี 9เท่า ต่ำกว่าบุ๊ค 0.7% เท่า ปันผลสูง7.3% และหุ้นกลุ่มธนาคาร กสิกรไทย( KBANK) ให้ราคาเหมาะสม 180 บาท ซึ่งปัจจุบันราคาหุ้นเทรดต่ำกว่าบุ๊ก 0.6เท่า ทั้งนี้คาดว่าการจ่ายปันผลจะอยู่ที่ 2.9%