กกร.ประมาณการณ์จีดีพีปี65 ขยายตัว 3-4.5 % ส่งออก3-5%

กกร.ประมาณการณ์จีดีพีปี65 ขยายตัว 3-4.5 % ส่งออก3-5%

กกร.รับ โอมิครอนทำเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า แม้ระบาดไม่รุนแรง ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก ปฏิบัติตามมาตราสาธารณสุขเข้ม ป้องกันล๊อคดาวน์ซ้ำ คงจีดีพีปี 64 ขยายตัว0.5 -1.5%

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน  (กกร.)  เปิดเผย ภายหลังการประชุม กกร. ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการแพร่ะบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ขณะนี้บ่งชี้ว่าสายพันธุ์โอมิครอนแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว และสามารถติดต่อไปยังผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว ส่งผลให้หลายประเทศกลับมาใช้มาตรการจำกัดการเดินทางหรือมาตรการจำกัดกิจกรรมอีกครั้ง ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยทั้งภาคการส่งออกและภาคบริการฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ “โอมิครอน” อาจทำให้การฟื้นตัวต่อจากนี้ไปได้รับผลกระทบและต้องล่าช้าออกไป โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่งเริ่มรับนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังการเปิดประเทศเมื่อ 1 พ.ย. ดังนั้น “โอมิครอน” จึงกลายเป็นความเสี่ยงใหม่ต่อเศรษฐกิจโลกในช่วงต้นปี 2565 นอกเหนือจากความท้าทายที่มีอยู่เดิม ดังนั้น จำเป็นต้องจับตาปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงและความรวดเร็วของการแพร่ระบาดซึ่งจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในระยะนี้

 

สำหรับเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นในปี 2565 แม้การระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน เนื่องจากปัจจุบันไทยมีอัตราการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในระดับสูงและเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงมาตรการด้านสาธารณสุข และการเข้า-ออก ประเทศที่มีความเข้มงวด อย่างไรก็ตามภาคเอกชนเห็นว่าไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป ทุกภาคส่วนควรปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดในระลอกใหม่ซ้ำเติม เนื่องจากที่ผ่านมาเห็นได้ชัดจากบทเรียนของการล็อกดาวน์ว่ามีต้นทุนต่อเศรษฐกิจและสังคมสูงมาก ทั้งผลกระทบโดยตรงจากการหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และทางอ้อมจากการบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนและผู้ประกอบการ 

 

ส่วนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2565 จำเป็นต้องมีนโยบายสำหรับทั้งระยะสั้นและระยะยาว ในระยะสั้นที่การฟื้นตัวล่าช้าออกไปภาคธุรกิจยังคงฟื้นตัวไม่พร้อมเพรียงกัน (K-shaped recovery) มาตรการพยุงเศรษฐกิจและกำลังซื้อของครัวเรือน รวมถึงการผ่อนคลายนโยบายการเงินที่มีความต่อเนื่องยังคงมีความจำเป็น นอกจากนี้ สำหรับปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าวควรแก้ไขโดย เร่งขึ้นทะเบียน และมี การจัดสรรวัคซีนให้ เพราะในขณะนี้ประเทศไทยเริ่มมีปริมาณวัคซีนที่เพียงพอมากขึ้น โดยในระหว่างนี้ต้องช่วยกันรณรงค์ให้คนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนรีบมาฉีดวัคซีน เพราะอัตราผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 ส่วนใหญ่มาจากคนที่ไม่ได้รับวัคซีน

“  ปี 2565 เศรษฐกิจไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตได้ ที่ประชุม กกร. จึงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2565 จะขยายตัวได้ในกรอบ 3.0% ถึง 4.5% สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลกที่ปีหน้าน่าจะเติบโตที่ 4-5% ขณะที่ประมาณการการส่งออกในปี 2565 ว่าจะขยายตัวในกรอบ 3.0% ถึง 5.0% ซึ่งมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกทำให้การส่งออกจะมีการขยายตัวต่อจากปีนี้ ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะขยายตัวอยู่ในกรอบ 1.2% ถึง 2.0% ซึ่งมาจากแนวโน้มของสินค้า Commodities มีแนวโน้มราคาสูงขึ้น และปีหน้าสิ่งที่ต้องจับตามองอีกเรื่องคือปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองเรื่อง Geopolitics ของหลายประเทศ”นายสนั่น กล่าว 

 

นายสนั่น กล่าวว่า ทั้งนี้กกร.คงคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2564 โดยเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะขยายตัวในกรอบ 0.5% ถึง 1.5% ขณะที่ประมาณการการส่งออกในปี 2564 ว่าจะขยายตัวในกรอบ 13.0% ถึง 15.0% มาจาก Demand เพิ่มสูงต่อเนื่อง โดยมีประเด็นที่จะต้องเร่งแก้ปัญหาคือการการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะขยายตัวอยู่ในกรอบ 1.0% ถึง 1.2%