"อีคอมเมิร์ซ"เวียดนามโตแรง ดันตลาดอาหารและเครื่องดื่มเข้าสู่ยุค “สั่งง่าย ส่งไว”

อีคอมเมิร์ซเวียดนาม โตแรง ปี 68 คาดโตทะลุ 40,000 ล้านดอลลาร์ เฉลี่ยโต 20–25 % สั่งอาหารเครื่องดื่มผ่านดิลิเวอร์รี่ มากสุดสะท้อนพฤติกรรม ผู้บริโภคเวียดนาม เน้นความสะดวกสบาย เผย กลุ่ม เจเนอเรชัน Z และมิลเลนเนียล ถือเป็นแรงขับหลักของตลาดอีคอมเมิร์ซอาหารในเวียดนาม
KEY
POINTS
- ตลาดอีคอมเมิร์ซเวียดนามเติบโตอย่างรวดเร็ว ติด 1 ใน 5 ของโลก โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 20-25% ต่อปี
- พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนมาสั่งอาหารและเครื่องดื่มออนไลน์ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดบริการจัดส่งอาหาร (Food Delivery) ขยายตัวต่อเนื่อง
- ผู้ประกอบการนำเทคโนโลยี AI มาใช้พัฒนาระบบจัดส่ง ทำให้สามารถลดระยะเวลาการส่งอาหารเหลือเพียงประมาณ 20 นาที เพื่อตอบโจทย์ความรวดเร็ว
- กลุ่มผู้บริโภคหลักอย่าง Gen Z และมิลเลนเนียล เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนตลาด โดยให้ความสำคัญกับประสบการณ์การซื้อที่สะดวกสบาย
เว็ปไซต์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในประเทศ ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม รายงานว่า การสั่งอาหารและเครื่องดื่มผ่าน แพลตฟอร์มออนไลน์ กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตประจำวันของชาวเวียดนาม หลังจากที่ในอดีตพฤติกรรมดังกล่าวยังคงจำกัดอยู่ในกลุ่มผู้บริโภคเมืองใหญ่ ปัจจุบันกระแสบริโภคที่เน้นความสะดวกสบายกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะเป็นแรงขับสำคัญในการกำหนดรูปแบบใหม่ให้กับ ตลาดค้าปลีก และ ธุรกิจอาหารเวียดนาม ในปี 2568
สมาคมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เวียดนาม (Vietnam E-commerce Association: VECOM) เปิดเผยในรายงาน ดัชนีการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เวียดนาม (E-commerce Index: EBI) ปี 2568 ว่า มูลค่าการค้าปลีกผ่านระบบ อีคอมเมิร์ซ ของประเทศคาดว่าจะทะลุ 40,000 ล้านดอลลาร์ โดยเวียดนามติดอันดับหนึ่งในห้าประเทศที่มีตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโตเร็วที่สุดในโลก ด้วยอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี 20–25 %
ผู้บริโภคเวียดนามเริ่มขยายการซื้อสินค้าออนไลน์จากเดิมที่เน้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และแฟชั่น ไปสู่สินค้ากลุ่มอุปโภคบริโภค (FMCG) มากขึ้น เช่น อาหารสด เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ โดยมีพฤติกรรมการสั่งซื้อเป็นประจำเกือบทุกวัน มากกว่าการรอโปรโมชั่นช่วงลดราคา
ข้อมูลจาก ธนาคารกลางเวียดนาม (State Bank of Vietnam) ระบุว่า กว่า 75% ของธุรกรรมอีคอมเมิร์ซทั้งหมดในประเทศชำระผ่าน กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์หรือ QR Code สะท้อนถึงความนิยมของระบบชำระเงินไร้เงินสดที่เติบโตอย่างมั่นคง
ในขณะเดียวกัน ตลาดอาหารปรุงสุกพร้อมทานและบริการจัดส่งอาหาร (Food Delivery) ก็เติบโตต่อเนื่อง โดยข้อมูลจาก VECOM และ Statista คาดว่ามูลค่าตลาดจะสูงถึง 3,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2568 เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนหน้า แพลตฟอร์มต่างๆ เช่น ShopeeFood, GrabFood และ Baemin กำลังขยายเครือข่ายไปยังเมืองรอง พร้อมนำเสนอเมนูที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งอาหารเวียดนามดั้งเดิม เครื่องดื่ม กาแฟพร้อมดื่ม และอาหารเพื่อสุขภาพ
ผู้ประกอบการต่างหันมาใช้ เทคโนโลยี AI เพื่อคาดการณ์ช่วงเวลาที่มีการสั่งซื้อสูงและพัฒนาโมเดลจัดส่งแบบหลายออเดอร์ในรอบเดียว เพื่อร่นเวลาการจัดส่งจาก 1–2 ชั่วโมง เหลือเพียงราว 20 นาที พร้อมยกระดับคุณภาพการบริการให้รวดเร็วและตรงต่อเวลา
กลุ่ม เจเนอเรชัน Z และ มิลเลนเนียล ถือเป็นแรงขับหลักของตลาดอีคอมเมิร์ซอาหารในเวียดนาม โดยมีพฤติกรรมซื้อสินค้าจากการชมไลฟ์สตรีม โปรโมชั่น และส่วนลดแบบแฟลชเซลล์ จากผลสำรวจของ VECOM พบว่า เกือบ 70% ของผู้บริโภคเคยซื้ออาหารหลังรับชมการขายผ่านไลฟ์สด และกว่า 60% สั่งอาหารเพื่อใช้สิทธิ์ส่วนลดจากแอปพลิเคชัน
ดร.ดิ่ง จอง ถิญ (Đinh Trọng Thịnh) นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ปัจจุบันผู้บริโภคเวียดนามให้ความสำคัญกับ “ประสบการณ์การซื้อ” มากกว่าการได้สินค้าราคาถูก โดยนิยมอ่านรีวิว แสดงความคิดเห็น และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ขาย ช่องทางอีคอมเมิร์ซจึงกลายเป็น “พื้นที่บริโภคแบบครบวงจร” ที่ผสานการช้อปปิ้ง ความบันเทิง และการเชื่อมต่อทางสังคมเข้าด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม นายเหงียน ง็อก ดุง (Nguyen Ngoc Dung) ประธาน VECOM ระบุว่า ความท้าทายหลักของ ธุรกิจจัดส่งอาหาร คือ ต้นทุนดำเนินงานสูง โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มและการทำโปรโมชั่นซึ่งคิดเป็น 20–25 % ของรายได้ ทำให้ร้านอาหารขนาดเล็กมีกำไรลดลง
นอกจากนี้ การควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร การตรวจสอบแหล่งที่มา และการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลยังเป็นภาระต้นทุนที่ผู้ประกอบการต้องบริหารจัดการเพิ่มเติม
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ภาคธุรกิจ ขยายช่องทางจำหน่ายให้หลากหลาย ทั้งผ่านเว็บไซต์ของตนเอง โซเชียลมีเดีย และแอปเฉพาะของบริษัท พร้อมลงทุนในระบบ Cold Chain Logistics และเทคโนโลยี Big Data เพื่อบริหารคำสั่งซื้อและทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) กรุงฮานอย ให้ความเห็นว่า แนวโน้มการสั่งอาหารผ่านระบบอีคอมเมิร์ซไม่เพียงช่วยให้ผู้บริโภคในพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงบริการได้สะดวกขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญของธุรกิจ อาหารพร้อมทานและบรรจุภัณฑ์อาหาร ที่สามารถขยายตลาดได้รวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายด้านราคาค่าจัดส่ง ความโปร่งใสของค่าธรรมเนียม และคุณภาพอาหารที่อาจเปลี่ยนไประหว่างขนส่ง
รายงาน แนวโน้มจิตวิทยาผู้บริโภคเวียดนามปี 2568 ยังชี้ว่า ผู้บริโภคเวียดนามกว่า 74% เปิดรับนวัตกรรมใหม่และพร้อมทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยมีแรงจูงใจหลัก 3 ประการ ได้แก่
- ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่สะดวกและประหยัดเวลา (Multi-benefits & Time Saving)
- ผสมผสานรสชาติท้องถิ่นกับความทันสมัยระดับโลก (Local Roots & Global Edge)
- ตอบสนองความต้องการเฉพาะกลุ่ม (Personalization)
ดังนั้น ร้านอาหารและผู้ประกอบการที่ร่วมมือกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและใช้ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ จะสามารถพัฒนาเมนูและบริการที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว







