น้ำมัน Rebound (วันที่ 24 พฤศจิกายน 2564)

น้ำมัน Rebound (วันที่ 24 พฤศจิกายน 2564)

วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นขึ้นเล็กน้อยในช่วงเช้า ก่อนที่จะปรับตัวลงในภาคบ่าย จากแรงขายทำกำไรในหุ้นหลายกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมาในช่วงก่อนหน้า

เช่น กลุ่มธนาคารและกลุ่มค้าปลีก ได้แก่ KBANK, SCB, BBL, BAY และ CPALL ส่วนหุ้นที่สามารถปรับตัวขึ้นได้มาจากปัจจัยเฉพาะตัว เช่น ADVANC, BANPU, EA ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,646.42 จุด -3.12 จุด -0.19% มูลค่าการซื้อขาย 90,228 ลบ.ต่างชาติ -1,338.26 ลบ. TFEX +4,039 สัญญา ตราสารหนี้ +16.97 ลบ.
 

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 194.55 จุด +0.55% ได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมัน WTI ทะยานขึ้นกว่า 2% ทิศทาง bond yield ที่เพิ่มขึ้นช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัว แต่กลับสร้างแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และฉุดดัชนี Nasdaq ปิดลบ
+ ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.75 ดอลลาร์ +2.3% ปิดที่ 78.50 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มโอเปคพลัส อาจระงับแผนเพิ่มกำลังการผลิตหลังจากที่สหรัฐและพันธมิตรประกาศระบายน้ำมันออกจากคลังสำรอง
+ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-บริการเบื้องต้นของยูโรโซนเดือนพ.ย. ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 55.8 เมื่อเทียบกับระดับของเดือนต.ค.ที่ 54.2 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 53.2
+ ครม. เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นประเทศหุ้นส่วนด้านพลังงาน ภายใต้ยุทธศาสตร์สายแถบและเส้นทาง (The Belt And Road Energy Partnership: BREP) ของสนง.พลังงานแห่งชาติจีน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
+ ครม.ผ่านงบประมาณจัดซื้อวัคซีนโควิด 30 ล้านโดสจากไฟเซอร์ส่งมอบ Q1-Q3/65

 

ปัจจัยลบ

+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 5,857 ราย ATK 1,860 ราย มีผู้เสียชีวิต 55 ราย รักษาหาย 7,318ราย
- IMF ระบุถึงความเสี่ยงในการใช้สกุลเงินบิตคอยน์ โดยแนะนำให้เอลซัลวาดอร์หลีกเลี่ยงใช้สกุลเงินดังกล่าวชำระหนี้ตามกฎหมาย
 

 

- รัฐบาลจีนระบุว่า บริษัทไต้หวันที่ดำเนินงานในประเทศจีนจำเป็นต้องแยกตนเองออกจากกลุ่มที่สนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราช หลังจากจีนลงโทษบริษัทขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของไต้หวันอย่างหนักฐานละเมิดกฎเกณฑ์ทางธุรกิจ
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 56.5 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 57.6 ในเดือนต.ค.
- มุมมองจากเครดิตบูโรระบุว่า หนี้ครัวเรือนไทยตามที่สภาพัฒน์รายงานมี 14.3 ล้านล้านบาท คิดเป็น 89.3% ต่อ GDP โดยมีจำนวนที่เป็น NPL สูงถึง 8.1% หรือ 9.7 แสนล้านบาท

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นแบบ Sideway Up โดยมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบ WTI เริ่ม Rebound จากการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มโอเปคพลัส อาจระงับแผนเพิ่มกำลังการผลิต ประกอบกับแรงฟื้นตัวของหุ้นของหุ้นกลุ่ม Mid-Small ที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,640-1,657 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน  

• หุ้น Reopening Play : หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว MINT ERW CENTEL AWC SHR AOT AAV BA หุ้นกลุ่มขนส่ง BEM BTS หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า CPN CRC MBK หุ้นกลุ่มร้านอาหาร AU M ZEN หุ้นกลุ่มค้าปลีก CPALL BJC MAKRO
• MSCI Global Small Cap Indexes มีผล 30 พ.ย. หุ้นเข้า BEC TIPH TIDLOR หุ้นออก TKN
• ประเด็นปรับขึ้นค่า Ft จะเป็นตัวหนุนต่ออัตราการทำกำไรหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า EA SSP GPSC BGRIM

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

                          SMD (ซื้อ ราคาเหมาะสม 20.40)

•ผู้บริหารปรับเพิ่มเป้ารายได้ปี 64 สู่ 1.5-1.6 พันลบ. เติบโต 127-142%YoY โดย 9M64 มีรายได้ 1.19 พันลบ. และมีงานในมือรอรับรู้อีก 300 ลบ.ใน 4Q64 และตั้งเป้ารายไดปี 65 ที่ 1.8 พันลบ. เติบโต 15%YoY คาดได้แรงหนุนจาก 1) จำหน่าย ATK 2) การให้เช่าเครื่องมือแพทย์แก่โรงพยาบาล และ 3) อัตราการครองเตียงของ Sleep lab เพิ่มขึ้นหลังการแพร่ระบาด COVID-19 เริ่มลดลง

•ความเห็น เรามุมมองบวกต่อผลประกอบการปี 64 ที่จะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่กำไรงวด 9M64 สูงกว่าประมาณการเดิมทั้งปี 64 ทำให้เราปรับเพิ่มประมาณการรายได้และกำไรปี 64 เป็น 1,454 ล้านบาทและ 308 ล้านบาท ซึ่งเติบโต 120% และ 297% ตามลำดับ อย่างไรก็ตามปี 65 ยังคงต้องติดตามเป้ารายได้อย่างใกล้ชิดเนื่องจากจะเป็นการเติบโตจากฐานสูงในปี 64 ทั้งนี้ราคาหุ้นยังซื้อขายที่ PE ต่ำเพียง 9 เท่าซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 34.7 เท่า จึงเป็นจังหวะซื้อสะสม

 

หุ้นมีข่าว

(+) PTTGC (Bloomberg Consensus 75.00 บาท) ลั่นดีลออลเน็กซ์เสร็จสิ้นปลายปีนี้ ปีหน้ารับรู้รายได้เต็มปี เดินหน้าขยายลงทุนสู่สินค้าไฮแวลู เผยปีหน้ากำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นประมาณ 7% คาดผลงานแนวโน้มดีต่อเนื่อง ส่วนการซื้อ VNT คาดว่าจะดำเนินการได้ปลายปีนี้ และจะเริ่มรับรู้การดำเนินงานหลังกุมภาพันธ์ 2565 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SEAFCO (Bloomberg Consensus 5.14 บาท) ตั้งเป้ารายได้ปี 2565 ไว้ที่ 1,500-1,600 ล้านบาท เดินหน้าประมูลงานใหม่เพิ่มมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท เติมพอร์ตงานในมือจากปัจจุบันอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท ลุ้นงานเมกะโปรเจ็กต์ รถไฟฟ้า แววโค้งท้ายผลงานกลับมาดีขึ้น เชื่อหากมีงานออกมาจะช่วยผลักดันตลาดให้มีความคึกคักมากขึ้น (ที่มา ทันหุ้น)

(+) RBF (Bloomberg Consensus 22.80 บาท) ข่าวดี 2 เด้ง! เตรียมส่งมอบสารสกัด CBD-THC ให้ลูกค้ามหาชนยักษ์ใหญ่ ได้ฤกษ์เก็บเกี่ยวผลผลิตกัญชงปลาย ธ.ค.นี้ และทยอยรับรู้รายได้ธุรกิจกัญชงตั้งแต่ไตรมาส 2/65 พร้อมขานรับนโยบายปลูก-สกัดกัญชาสำหรับภาคเอกชน หลังการปรับแก้กฎหมายเพิ่มเติมในปีนี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) RS (Bloomberg Consensus 19.90 บาท) “อาร์เอส” เปิดตัวแบรนด์ “Lifemate” ผลิตภัณฑ์สาหรับสัตว์เลี้ยง นำร่องอาหารแห้งชนิดเม็ดสำหรับสุนัข-แมว วางตลาดวันที่ 1 ธ.ค.นี้ เล็งเปิดตัวอาหารเปียก อาหารขบเคี้ยว อาหารว่างในไตรมาส 2-3 ปีหน้า ตั้งเป้ายอดขายปี 65 พุ่ง 320 ล้านบาท โกยมาร์เก็ตแชร์ 10% (ที่มา ข่าวหุ้น)