CKP - ดูดี (ประจำวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564)

CKP - ดูดี (ประจำวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564)

ปริมาณน้ำเข้าเขื่อนทั้ง XPCL และ NN2 ลดลงใน ต.ค. แต่คาดกำไร 4Q อาจเติบโต yoy จาก (1) ปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่ดีขึ้นที่ NN2 และ (2) ส่วนแบ่งกำไรที่สูงขึ้นจากการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน XPCL

นอกจากนี้ยังมีความคืบหน้าที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง ซึ่งจะเพิ่มมูลค่าให้ CKP อีก 2.2 บาทต่อหุ้น คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.50 บาทต่อหุ้น

 

กำไร 4Q อาจเติบโต yoy

(XPCL) ลดลง 8% yoy เป็น 3,905 ลบ.ม./s ในต.ค.และปริมาณน้ำที่โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 (NN2) ลดลง 17% yoy เป็น 467 ล้าน ลบ.ม. แต่ CKP ประกาศปริมาณการผลิตไฟฟ้าเบื้องต้นที่ NN2 ใน พ.ย. - ธ.ค. ที่ 118 และ 119 GWh ตามลำดับ ดังนั้นการผลิตไฟฟ้าที่ NN2 ใน 4Q จะอยู่ที่ 359GWh, เพิ่มขึ้น 237%yoy นอกจากบริษัทจะมีส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มการถือหุ้นใน XPCL จาก 37.5% เป็น 42.5%

รอเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการหลวงพระบาง

CKP กำลังพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบางในลาวกำลังการผลิตติดตั้ง 1,460 MW สัญญาสัมปทานกับประเทศลาวมีความคืบหน้า 80% จาก 60% ใน 2Q ขณะที่ความคืบหน้า MOU อัตราค่าไฟหรือสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ EGAT มีความคืบหน้า 60% จาก 40% ใน 2Q ประเมินโครงการโรงไฟฟ้าหลวงพระบางจะเพิ่มมูลค่า 2.2 บาทต่อหุ้นให้ CKP นอกจากนี้เรายังมีมุมมองเชิงบวกในระยะยาวต่อนโยบายของรัฐบาลต่อภาวะโลกร้อน ที่จะเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดมากขึ้นและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดเป็นศูนย์ (ประเทศเป็นกลางทางคาร์บอน) ภายในปี 2065-2070 จึงทำให้โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำและพลังงานหมุนเวียนอื่นมีแนวโน้มได้แรงหนุนจากนโยบายรัฐ มากกว่าโรงไฟฟ้าแบบดั้งเดิม

 

คงคำแนะนำ  ซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.50 บาทต่อหุ้น

เราคงคำแนะนำ ซื้อ CKP จาก (1) Upside ที่น่าสนใจ, (2) ภาพเชิงบวกใน 4Q และ (3) มุมมองเชิงบวกในระยะยาวต่อโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน นอกจากนี้ปริมาณน้ำเขื่อน Xiaowan และ Nouzhadu ในจีนอยู่ในระดับสูงเกือบเต็มความจุจะช่วยหนุนกำไร 2Q22F โดยปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อน XPCL จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากเขื่อนในจีนจะต้องลดระดับน้ำก่อนฤดูฝนใหม่ ทำให้เรามีโอกาสปรับประมาณการกำไรปี FY22F