CBG - ความเสี่ยงรอบด้าน (22 พฤศจิกายน 2564)

เราปรับคาดการณ์กำไรปี FY21-FY23F ลง 6-10% สะท้อนยอดขายในจีนที่ต่ำกว่าคาด ทำให้ราคาเป้าหมายลดลงมาที่ 129 บาท และปรับลดคำแนะนำลงเป็น ถือ

 

แนวโน้มกำไรดีขึ้น qoq หนุนจากยอดขายในประเทศ

บริษัทเห็นสัญญาณยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศเริ่มฟื้นตัว ตามการเปิดเมือง ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของเราที่คาดว่ากำไรจะฟื้นตัวขึ้น qoq ใน 4Q21 หนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น และส่งผลให้ GPM กลับมาขยายตัว qoq

 

ยังมีความเสี่ยงจากยอดขายต่างประเทศ และราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น

เราคาดกำไร 4Q21 ลดลง yoy จากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนอลูมิเนียมที่สูงขึ้นกว่า 43% ใน 4Q21 ที่ 2,741 USD/ton จาก 4Q20 ที่ 1,917 USD/ton ทั้งนี้บริษัทมีแผนการลดผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดย 1) ปรับลดส่วนลดกับตัวแทนจำหน่าย  2) ลดต้นทุนพลังงาน รวมทั้งการปรับสูตรลดน้ำตาล ซึ่งเริ่มไปแล้วในเดือน มิ.ย. แต่ทั้งหมดนี้สามารถชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้นได้เพียงบางส่วนเท่านั้น

 

 

 

ปรับกำไรปี FY21-23F ลดลง 6-10% จากส่งออกที่อ่อนแอ และต้นทุนวัตถุดิบสูง

เราปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี FY21-23F ลดลง 6%/9%/10% อยู่ที่ 3 พันลบ./3.5 พันลบ./4.1 พันลบ. จากการลดประมาณการยอดขายในต่างประเทศปี FY21-23F ลง 7%/9%/10% ซึ่งมาจากการปรับลดยอดขายในจีนลง 42% และCLMV ลง 5% เนื่องจากยอดขายที่ต่ำกว่าคาดใน 3Q21 รวมทั้งปรับ GPM ในปี FY21-23F ลดลงเหลือ 37%/37.2%/38% (-70bps/-110bps/-140bps) จากยอดขายที่ลดลงกดดันกำลังการผลิต (Utilization) และต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น

 

ราคาเป้าหมายใหม่ 129 บาทต่อหุ้น; ปรับลงเป็น ถือ ความเสี่ยงรอบด้าน

เรามีการปรับราคาเป้าหมายลดลงมาที่ 129 บาท จาก 146 บาท โดยอิง PE 22F ที่ 37x (-0.1SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปี) รวมทั้งปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ เนื่องจากมองว่าความเสี่ยงยังสูงจากแนวโน้มต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นกดดันการเติบโตของกำไรสุทธิ รวมทั้งยอดขายในต่างประเทศเติบโตต่ำกว่าคาดการณ์ โดยในปี 2022 เรามองว่ายอดขายในประเทศจะฟื้นตัวได้ดี yoy ตามการเปิดเมือง แต่การเติบโตของยอดส่งออกยังมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะพม่าที่ค่าเงินจ๊าดยังอ่อนค่า และการส่งออกที่ไม่สามารถขนส่งทางบกได้ ส่วนในจีนมีความเสี่ยงเรื่องการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด