BCPG ขยับดีล M&A เกือบทั้งหมดไปปีหน้า (18 พ.ย. 64)

ในขณะที่ประมาณการของเราอยู่ที่ 10.9% นอกจากนี้ผู้บริหารยังคาดว่าจะได้ข้อสรุปดีล M&A ใหม่ภายใน 4Q64 โดยผู้บริหารได้ปรับลดงบลงทุน (CAPEX) ปีนี้ลงจากเดิม 1.8 หมื่นล้านบาท เหลือเพียง 6 พันล้านบาท และปรับเพิ่มงบ CAPEX ปี 2565 เป็น 2.7-4.4 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ 2.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากความล่าช้าของดีล M&A ในปีนี้ เราเชื่อว่าสัดส่วนหนี้สินต่อทุนของ BCPG ที่ต่ำเพียง 1.19x ทำให้บริษัทยังมีช่องให้กู้มาลงทุนเพิ่มได้อีกมาก (debt covenant อยู่ที่ 3.0x)

 

ตั้งเป้าจะขยายกิจการในไต้หวัน

กระทรวงเศรษฐกิจของประเทศไต้หวันได้อนุมัติให้ BCPG ตั้งบริษัทลูก “BCPG Formosa Co., Ltd.” ซึ่งคาดว่าจะจัดตั้งเสร็จเรียบร้อยภายในสิ้นปีนี้ โดย BCPG แจ้งว่าได้เริ่มพัฒนาโครงการ solar farm ในประเทศไต้หวันแล้ว ซึ่งคาดว่ากำลังการผลิตรวมจะอยู่ที่ 170MW (4-8 แห่ง) และตั้งเป้ากำลังการผลิตในอนาคตอันใกล้ไว้ที่ 1-2GW (Figure 2) ทั้งนี้ กระบวนการพัฒนาจะใช้เวลาประมาณ 1 ปีเพื่อซื้อที่ดินและก่อสร้าง โดยบริษัทตั้งเป้า COD ไว้ในช่วงปี 2566-67 ทั้งนี้ บริษัทยังไม่ได้ทำสัญญา PPA กับผู้รับซื้อไฟฟ้า (Taipower)

 

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักปี 2564 ขึ้น 2% จากโครงการ Nam San 3A และ 3B

เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักในปี 2564 ขึ้นจากเดิม 2% เนื่องจากการผลิตในโครงการ Nam San 3A และ 3B เพิ่มขึ้นเพราะผลจากปรากฏการณ์ La Nina ซึ่งจะยังมีผลต่อเนื่องไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2565

 

 

 

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 2565 ที่ 16.90 บาท เราคาดว่ากำไรใน 4Q64Fจะลดลง QoQ จากส่วนแบ่งรายได้ที่ลดลงจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (Nam San 3A, 3B) หลังจากผ่านช่วง peak ตามฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพลังน้ำมาแล้วใน 3Q64 แต่คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น YoY เนื่องจากผลจากปรากฏการณ์ La Nina นอกจากนี้ เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักในปี 2565F จะเพิ่มขึ้น YoY จากกำลังการผลิตใหม่ 75MWe ของโรงไฟฟ้า solar ในญี่ปุ่น และ การปรับขึ้นค่าไฟฟ้าตามสัญญา PPA ของโครงการ Nam San 3A และ 3B จากเดิม 6.72 UScent/kWh เป็น 6.95 UScent/kWh ในปี 2565

 

Risks

ความล่าช้าในการจัดสรรกำลังการผลิตใหม่, การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของทางการ, โรงไฟฟ้าหยุดผลิตไฟฟ้า, และความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการใหม่