CBG คาดว่าของกำไรจะลดลงอย่างมากในไตรมาส 3/64

CBG คาดว่าของกำไรจะลดลงอย่างมากในไตรมาส 3/64

คาดว่ากำไรสุทธิใน 3Q64F จะอยู่ที่ 684 ล้านบาท (-30% QoQ และ YoY) และใน 9M64 จะลดลง 11% เราคาดว่า 3Q64 จะเป็นช่วงที่ยากลำบากของ CBG

เนื่องจากอลูมิเนียม ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักมีราคาสูงขึ้นมาก ในขณะที่ยอดส่งออก และยอดขายในประเทศลดลงอย่างมากทั้งคู่ โดยในส่วนของธุรกิจส่งออก เราคาดว่ายอดขายในจีน และ CLMV จะถูกกดันจาก COVID-19 และฐานรายได้ที่สูงใน 2Q64 ทั้งนี้ เราใช้สมมติฐานว่ารายได้จากการส่งออกใน 3Q64 จะลดลง 24% QoQ และ 6% YoY และในงวด 9M64 จะลดลง 3% ในขณะที่คาดว่าธุรกิจในประเทศจะถูกกดดันจากอุปสงค์ที่ลดลงจากการปิดแคมป์คนงานหลายแห่งในช่วงที่ COVID-19 ระบาดหนัก ในขณะเดียวกัน ราคาอลูมิเนียมที่แพงขึ้นประมาณ 20% จะกดดันให้ GPM ลดลง 250bps QoQ และ 600bps YoY

 

ธุรกิจส่งออกจะยังคงอ่อนแอในระยะต่อไป

การส่งออกไปจีนที่ลดลงอย่างมากจะยังคงกดดันแนวโน้มการฟื้นตัวในระยะต่อไป เนื่องจากฤดูหนาวเป็นช่วง low season ของการบริโภคเครื่องดื่มชูกำลัง ในขณะที่สต็อกสินค้าในประเทศจีนก็ยังอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ บริษัทเผยว่ารายได้จากการส่งออกไปจีนที่สูงใน 1H64 รวมการผลิตเพื่อเก็บสต็อกด้วย ทำให้รายได้จากการส่งออกไปจีนอยู่ที่ประมาณ 700 ล้านบาทใน 1H64 (สูงกว่ารายได้เฉลี่ยรายปีที่ประมาณ 300-400 ล้านบาทในช่วงสองปีก่อนหน้า) ทั้งนี้ ในส่วนของตลาดจีน เราคาดว่ารายได้จะลดลง42% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 116% YoY ใน 3Q64 และจะเพิ่มขึ้น 174% ในงวด 9M64 โดยมีแนวโน้มจะลดลงต่ออีกใน 4Q64

 

 

 

 

โรงงานบรรจุภัณฑ์ใหม่ไม่สามารถชดเชย margin ที่ลดลงได้

CBG เริ่มเปิดดำเนินการโรงงานบรรจุภัณฑ์ ซึ่งรวมถึง ฟิล์มพลาสติก, ฉลาก และกล่องกระดาษ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าว่าจะช่วยลดต้นทุนค่าบรรจุภัณฑ์ (จากเดิมที่ใช้ outsource) ลงประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์มีต้นทุนสูง โรงงานแห่งใหม่นี้จึงไม่อาจทำหน้าที่เป็นหน่วยธุรกิจที่ช่วยประหยัดต้นทุนได้ ซึ่งการที่ราคาอลูมิเนียมซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับบรรจุภัณฑ์เพื่อการส่งออกพุ่งสูงขึ้น จะกดดัน GPM ใน 3Q64 และบางช่วงใน 4Q64

 

คงคำแนะนำขาย และประเมินราคาเป้าหมายปี 2565F ที่ 106 บาท

เมื่อพิจารณาจากประมาณการ 3Q64F กำไรสุทธิในงวด 9M64 จะคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 67% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา ดังนั้น เราจึงมองว่าประมาณการกำไรปี 2564/65 ของเรายังมี downside อีกประมาณ 10% ถึงแม้ว่าราคาอลูมิเนียมจะลดลงมาถึง 20% ในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยให้ GPM ฟื้นตัวดีขึ้นได้บ้างใน 4Q64 แต่ยอดส่งออกที่ลดลงอย่างมาก และสัญญาณการฟื้นตัวของการส่งออกจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวมากกว่าเนื่องจากราคาหุ้นค่อนข้างแพง ทั้งนี้ เมื่อใช้ P/E ปี 2565 ที่ 25x เรามองว่าหุ้น CBG ไม่คุ้มที่จะเข้าไปซื้อ ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำขาย และประเมินราคาเป้าหมายปี 2565F ไว้ที่ 106 บาท (P/E ที่ 25x)

 

Risks

GPM ลดลง, รายได้ในตลาด CLMV ไม่โตตามคาด