SCGP ผลประกอบการ 3Q64: กำไรหลักเป็นไปตามคาด

SCGP ผลประกอบการ 3Q64: กำไรหลักเป็นไปตามคาด

กำไรสุทธิของ SCGP ใน 3Q64 อยู่ที่ 1.78 พันล้านบาท (-21% QoQ, +33% YoY) ดีกว่าประมาณการของเรา 13% แต่ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด

ทั้งนี้กำไรสุทธิได้รวมรายการพิเศษ 245 ล้านบาท (กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 280 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการเข้าซื้อกิจการอื่น 35 ล้านบาท) หากไม่รวมรายการพิเศษกำไรหลักจะอยู่ที่ 1.54 พันล้านบาท (-33% QoQ, +6% YoY) ซึ่งใกล้เคียงกับประมาณการของเรา

 

Impact

รายได้ที่เพิ่มขึ้น YoY ถูกหักล้างไปบางส่วนด้วยต้นทุนรวมทั้งค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นแม้ว่ารายได้ใน 3Q64 จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.19 หมื่นล้านบาท (+7% QoQ) จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรที่มีการส่งออกไปนอก ASEAN มากขึ้น และการรวมผลการดำเนินงานของ Intan (ธุรกิจในอินโดนีเซีย) และ Duy Tan (ธุรกิจในเวียดนาม) เข้ามาในงบการเงินรวมของ SCGP แต่ผลประกอบการใน 3Q64 ถูกฉุดโดย i) ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 11% QoQ เป็น 2.46 หมื่นล้านบาท เนื่องจากราคากระดาษรีไซเคิล (RCP) และราคาถ่านหินพุ่งสูงขึ้น ii) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น 15% QoQ ทั้งนี้เมื่อเทียบ YoY กำไรที่เพิ่มขึ้นเป็นเพราะรายได้เพิ่มขึ้น 37% YoY ซึ่งถูกหักล้างไปบางส่วนด้วยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 41% YoY รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น 20% YoY

 

 

 

ผลประกอบการน่าจะดีขึ้นใน 4Q64F

เราคาดว่าผลประกอบการน่าจะดีขึ้น QoQ ใน 4Q64F เนื่องจากคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นตามสถานการณ์ COVID-19 ที่ดีขึ้นโดยเฉพาะใน ASEAN ซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัท ทั้งนี้ประเทศเวียดนามที่ถูกกระทบหนักที่สุดใน 3Q64 เริ่มผ่อนคลายมาตรการคุม COVID ลงแล้ว ซึ่งน่าจะทำให้ทั้งการบริโภคและอัตราการผลิตของประเทศเวียดนามเพิ่มขึ้น ส่วนรายได้จากประเทศไทยและฟิลิปปินส์น่าจะเพิ่มขึ้นเช่นกันหลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการ lockdown ลง ทั้งนี้เมื่อเทียบกับ 4Q63 เราคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นจากการขยายธุรกิจในประเทศไทย, อินโดนีเซีย และการขยายตัวจากการซื้อกิจการอื่นในปี 2564 (Go-Pak, Duy Tan, Intan และ Deltalab) ทั้งนี้ราคา RCP และถ่านหินที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง จะยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะไปหักล้างรายได้ที่คาดจะเพิ่มขึ้นใน 4Q64F

 

คงประมาณการกำไรปี 2564F-2565F เอาไว้ตามเดิม

กำไรหลักในงวด 9M64 อยู่ที่ 6.1 พันล้านบาท คิดเป็น 76% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา ดังนั้น เราจึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564F เอาไว้ที่ 8.0 พันล้านบาท (+24% YoY) และปี 2565F ที่ 1.03 หมื่นล้านบาท (+29% YoY)

 

Valuation and action

เรายังคงราคาเป้าหมายปี 2565 เอาไว้ที่ 70.25 บาท (PER ที่ 29.4 เท่า อิงจาก ROE ที่ 8% และอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 30%) แต่เราปรับลดคำแนะนำจากเดิม “ซื้อ” เป็น “ถือ” เนื่องจากราคาหุ้นเหลือ upside จำกัดแล้ว

 

Risks

รายได้ต่ำกว่าที่คาดไว้