เงินไอพีโอพลิก“สีเดลต้า”สู่การเติบโต

เงินไอพีโอพลิก“สีเดลต้า”สู่การเติบโต

เมื่อเป้าหมายอยากสร้าง “ความมั่นคง-มั่งคั่ง” ให้ “สีเดลต้า” แผนระดมทุนใน "ตลาดหุ้น" จึงผุดขึ้นกลางวงสนทนาของสมาชิกในครอบครัวทันที... แม่ทัพใหญ่ “รณฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ” โชว์พันธกิจเงินไอพีโอ "ตอบโจทย์" การเติบโตครั้งใหม่ !!

“สีเดลต้า” ก้าวเข้าสู่ 4 ทศวรรษ !! หรือก่อตั้งมากว่า 40 ปีแล้ว ซึ่ง ณ เวลานี้ธุรกิจถูกส่งต่อสู่ “ทายาทรุ่นสอง” ของ “อาจณรงค์-วิไล ตั้งคารวคุณ” ผู้ก่อตั้ง บมจ. สีเดลต้า จำกัด (มหาชน) หรือ DPAINT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร 

หุ้นน้องใหม่ไอพีโอที่กำลังจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เสนอขายหุ้นจำนวน 53.25 ล้านหุ้น ในราคา 7.50 บาทต่อหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 1 บาท โดยจะเข้าซื้อขายวันแรก (เทรด) 28 ต.ค. 2564 ได้เงินระดมทุนราว 399,375,000 บาท 

“เมื่อพ่อเรียกกลับมาช่วยธุรกิจครอบครัว... บอกถึงเวลาต้องนำความรู้และประสบการณ์มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจตัวเองแล้ว !” สิ้นเสียงพ่อ 3 พี่น้อง “รณฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ” พี่ชายคนโต “วาณุภัณฒ์ ตั้งคารว” ลูกสาวคนกลาง และ “อรรถพล ตั้งคารวคุณ” น้องชายคนสุดท้อง โดย “รณฤทธิ์-อรรถพล” ตัดสินใจกลับมาช่วยสานต่อธุรกิจของตระกูลทันที 

“รณฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สีเดลต้า หรือ DPAINT เล่าให้ “กรุงเทพธุรกิจ BizWeek” ว่า เริ่มเข้ามาทำงานเมื่อปี 2550 โดยตนเองนำประสบการณ์และความรู้จากการทำงานระบบโรงงาน ขณะที่น้องชาย (อรรถพล) นำประสบการณ์จากการทำธุรกิจค้าปลีก (รีเทล) ซึ่งจังหวะที่ตัวเองและน้องชายเข้ามาเป็นช่วงที่ตลาดโมเดิร์นเทรดมีอัตราการขยายตัวมาก จึงเป็นช่วงบริษัทขยายช่องทางขายเข้าไปในร้านโมเดิร์นเทรดด้วย 

จนมาถึงปี 2560 เริ่มมองว่าธุรกิจน่าจะเติบโตได้รวดเร็วกว่านี้ ! จนมีการพูดคุยกันในสมาชิกครอบครัวว่า “ควรจะนำบริษัทเข้าระดมทุนตลาดหุ้น เพื่อนำเงินมาขยายธุรกิจให้เติบโตก้าวกระโดดและยั่งยืน” 

หลังจากบริษัทมีการ “ค้นพบสูตรสำเร็จ” ทำให้ธุรกิจมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับเป็นช่วงจังหวะที่ตลาดมีความต้องการ (ดีมานด์) สูง จากการที่ผู้บริโภคมีความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ 

สะท้อนผ่านตัวเลขผลประกอบการ 3 ปีย้อนหลัง (2561-2563) มี “กำไรสุทธิ” อยู่ที่ 12.4 ล้านบาท 34.9 ล้านบาท และ 41.9 ล้านบาท ขณะที่มี "รายได้" 519.3 ล้านบาท 585.7 ล้านบาท และ 596.2 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ระดับ 7.2% 

เขา แจกแจงว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นครั้งนี้ ! ถือเป็นการ “ปลดล็อก” ข้อจำกัดต่างๆ ทั้งในด้านของ “แหล่งเงินทุน” และ “กำลังการผลิต” ส่งผลให้เพิ่มขีดความสามารถในเชิงการแข่งขันในตลาดเชิงรุก ซึ่งจะสามารถสร้างการเติบโตอย่าง “ก้าวกระโดด” ได้ในอนาคต 

สอดรับแผนธุรกิจในระยะยาว 5-10 ปีข้างหน้า บริษัทมีเป้าหมายเดินหน้าก้าวต่อไปอย่างมั่นคงสู่การเป็น “ผู้นำตลาดระดับTop 5” ของอุตสาหกรรมสีทาอาคารของไทย ซึ่งจะสร้างผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องในระยะยาว ทั้งกลยุทธ์การขยายตลาดเชิงรุก ควบคู่การบริหารจัดการด้วยมาตรฐานสากล โดยสามารถแข่งขันในตลาดได้

โดยเงินระดมทุนบริษัทจะนำไปใช้ลงทุนในการปรับปรุงโรงงาน เครื่องจักร และระบบการผลิตที่โรงงานสุวินทวงศ์ จำนวนประมาณ 150 ล้านบาท ระยะเวลาการใช้เงินภายในปี 2568 เพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิตและบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งนำไปใช้เป็นเงินทุนในการซื้อเครื่องผสมสีจำนวน 440 เครื่อง จำนวนประมาณ 100 ล้านบาท ภายในปี 2568 เพื่อขยายจำนวนร้านค้าปลีกและร้านค้าปลีกสมัยใหม่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศยิ่งขึ้น 

และเพิ่มโอกาสในการขยายผลิตภัณฑ์สีกลุ่มที่มี “อัตรากำไร” ระดับดี นอกจากนี้ จะนำเงินไปใช้ลงทุนในการทำระบบ ERP จำนวนประมาณ 10 ล้านบาท และใช้ลงทุนสร้างห้อง LAB จำนวนประมาณ 5 ล้านบาท ภายในปี 2565 ใช้ชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น จำนวน 25 ล้านบาท ภายในปี 2564 และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนจำนวน 83.20 ล้านบาท

“อย่างไรก็ตามด้วยปัจจัยสนับสนุนภาพรวมของธุรกิจสีที่ยังมีโอกาสการเติบโตในอนาคต เนื่องจากสีเป็นหนึ่งในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่ต้องมีการใช้ซ้ำ จึงมีความต้องการ (ดีมานด์) จากตลาด อีกทั้งยังพัฒนาด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง”

เขา บอกต่อว่า อุตสาหกรรมสีถือว่าเป็นธุรกิจที่ต้องเดินหน้าคู่ขนานไปกับการเติบโตของอุตสาหกรรมก่อสร้าง การพัฒนาเมือง และประเทศชาติ โดยเฉพาะประเทศไทยที่กำลังมีการพัฒนาและลงทุนในงานโครงสร้างพื้นฐานตามแผนระยะยาว ทำให้อุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัวได้เร็ว และส่งผลให้มีความต้องการสีทาอาคารเติบโตควบคู่ไปด้วย 

เนื่องจาก ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการขยายฐานลูกค้า โดยมีการเพิ่มจำนวนคู่ค้าทั้งร้านโมเดิร์นเทรดและร้านค้าปลีก รวมทั้งการเริ่มผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรายการ โดยเฉพาะกลุ่มสีคุณภาพพิเศษ ที่มีอัตรากำไรดี รวมไปถึงการได้เปรียบเชิงต้นทุน (Economies of Scale) 

นอกจากนี้ บริษัทได้คิดค้นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเพื่อขยายตลาดสีกลุ่มที่มีอัตรากำไรสูงและเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ Toptech นวัตกรรมสีรองพื้น ช่วยลดระยะการทำงานของช่างทาสีได้ถึง 75% เป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่สหรัฐอเมริกาเลือกใช้กับแลนด์มาร์กระดับโลก ChillShield สีนวัตกรรมใหม่ที่สามารถทาทับหน้ารอบเดียวก็ปกปิดติดทนทานได้ดีเยี่ยมโดยไม่ต้องทาซ้ำ ผลิตจากกาวอะครีลิคพิเศษช่วยให้สีซึมลึกประสานเป็นเนื้อเดียวกับผนังปูนปกป้องบ้านได้นานกว่าสีทั่วไป มีเนื้อสีมากกว่าสีทั่วไปประมาณ 57% ทำให้ทาสีได้ง่าย ลื่น ไม่ติดแปรง ส่งผลให้ใช้สีน้อยกว่าเดิมประมาณ 43%

และล่าสุด DPAINT ได้ร่วมจับมือกับดิสนีย์ เปิดตัวสีเดลต้าเมจิก ชิลด์ (DELTA MAGIC SHIELD) สีทาภายในเกรดอัลตร้าพรีเมียม เจาะกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ และสร้างแบรนด์อิมเมจสู่ระดับสากล ซึ่งมองว่าจะเป็นแบรนด์ไฮไลท์ที่สามารถขยายไปยังผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของสีเดลต้าได้เพิ่มเติม 

ท้ายสุด “รณฤทธิ์” ไว้ว่า ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ออกสู่ตลาด เพื่อตอบสนองการใช้งานในแต่ละกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย พร้อมด้วยการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายซึ่งปัจจุบันมีครอบคลุมกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ