บลจ.บัวหลวง เสิร์ฟ 4 ‘กองทุนเด่น’ติดพอร์ตในไตรมาส 4 /64 ช่วยเพิ่มผลตอบโตดี

บลจ.บัวหลวง เสิร์ฟ 4 ‘กองทุนเด่น’ติดพอร์ตในไตรมาส 4 /64 ช่วยเพิ่มผลตอบโตดี

บลจ.บัวหลวง คัด 4 กองทุนเด่นควรมีติดพอร์ตในไตรมาส 4/2564 แนะนำนักลงทุน B-USALPHA, B-INNOTECH, B-NIPPON และ B-SIP หวังช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่จัดการโควิด-19 ได้ดี เศรษฐกิจฟื้นตัวไว

นายสันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า กองทบัวหลวงจัดทำ B-Select เพื่อให้คำแนะนำในการเลือกกองทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดในแต่ละช่วงเวลา (Tactical call) โดยในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้ มองว่า เศรษฐกิจของประเทศทั่วโลกยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวไม่เท่ากัน ซึ่งกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Market) ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น  มีแนวโน้มฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศกำลังพัฒนา

ขณะที่การลงทุนในตลาดหุ้นก็มีทิศทางสอดคล้องกับนโยบายการเงินและการคลังที่ยังคงเอื้ออำนวยให้กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จึงคัดเลือก 4 กองทุนเด่นที่สอดคล้องกับแนวโน้มนี้นำเสนอนักลงทุน ในไตรมาสสี่ปีนี้

กองทุนเด่นเหล่านี้ ประกอบด้วย กองทุนเปิดบัวหลวงยูเอสอัลฟ่า (B-USALPHA) ที่เน้นลงทุนในหุ้นเติบโตของสหรัฐฯ กองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลอินโนเวชั่นและเทคโนโลยี (B-INNOTECH) ที่เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นญี่ปุ่น (B-NIPPON) ที่ไปลงทุนในหุ้นบริษัทญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มเติบโตสูง และมีความสามารถในการทำกำไรสูง และกองทุนเปิดบัวหลวงยั่งยืน (B-SIP) เน้นลงทุนในบริษัทที่สร้างผล   เชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม และพลังงานสะอาด

นายสันติ กล่าวว่า สาเหตุที่แนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผ่าน B-USALPHA เนื่องจาก ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีโอกาสปรับขึ้นต่อได้ จากปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ นโยบายการคลังของรัฐบาลที่จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ออกมา มูลค่าเกือบ 4.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบด้วย วงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับลงทุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อแข่งขันกับจีน รวมทั้งแก้ปัญหาห่วงโซ่การผลิต วงเงิน 5.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ เช่น การขนส่ง ถนน รถไฟ รถยนต์ไฟฟ้า โครงสร้างพื้นฐานสีเขียว พลังงานสะอาด และยังมีวงเงิน 3.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่กำลังรอสภาคองเกรสอนุมัติเป็นการลงทุนตลอดระยะเวลา 10 ปี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชากร เช่น ยกเว้นภาษีสำหรับผู้มีบุตร ให้การศึกษาฟรี การเข้าถึงการรักษาพยาบาล นอกจากนี้ยังมีแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนของภาคเอกชน การเร่งเติมสินค้าคงคลัง (Inventory restocking) และปริมาณเงินออมของครัวเรือนที่สูงอยู่ด้วย

 

ในส่วนของ B-INNOTECH กองทุนบัวหลวงมองว่า หุ้นเทคโนโลยียังไปได้ต่อในระยะยาว โดยหุ้นเทคฯ เวลานี้ไม่ได้แพงเกินไป หากเปรียบเทียบหุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่ในปัจจุบัน ได้แก่ Apple, Amazon, Microsoft, Alphabet และ Facebook พบว่า มีราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) เฉลี่ยที่ 30-40 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่า P/E ของหุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่ 5 อันดับ ในช่วงปี 2000ที่เกิดปัญหาฟองสบู่หุ้นเทค โดยในเวลานั้นมี P/E สูงถึง 100 เท่า

ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุนบัวหลวงมองว่า ในช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด     เริ่มดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น แต่ประเทศที่ยังคงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายคือ ยุโรปและญี่ปุ่น โดยตลาดที่น่าสนใจมากก็คือ ญี่ปุ่น ที่เวลานี้ตลาดหุ้นยังปรับตัวขึ้นล่าช้ากว่าตลาดอื่นๆ มี P/E ที่ถูกกว่า S&P500 แต่มีแนวโน้มกำไรในปี 2022 ที่เติบโตในระดับเท่าๆ กับอเมริกา ด้วยเหตุนี้จึงแนะนำให้ลงทุนผ่าน B-NIPPON ขณะเดียวกันก็แนะนำการลงทุนผ่าน B-SIP เนื่องจากกองทุนนี้ลงทุนในกิจการที่ยั่งยืน ให้ความสำคัญกับการสร้างผลบวกต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเทรนด์ระยะยาวที่ทั่วโลกให้ความสนใจ โดยเฉพาะพลังงานสะอาด เพื่อเดินหน้าบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2050  

“กองทุนบัวหลวงมักจะแนะนำเสมอว่า ไม่ว่าสถานการณ์แวดล้อมเป็นเช่นไร นักลงทุนก็ควร Stay Invested คือ ลงทุนอย่างต่อเนื่อง อย่าตื่นตกใจกับเหตุการณ์ระยะสั้นที่ไม่ได้มีผลกระทบต่อแนวโน้มระยะยาว แต่ให้มองเป็นโอกาสการลงทุน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนอาจจะปรับพอร์ตการลงทุนบ้าง เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มการลงทุนในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งก็สามารถใช้คำแนะนำ B-Select นี้ เป็นแนวทางในการพิจารณาปรับพอร์ตลงทุนเพิ่มน้ำหนักในส่วนของกองทุนที่แนะนำได้” นายสันติ กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นกับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน