4 ปัจจัย ’กดดัน’ ตลาดหุ้นไทย วางเป้าปี65 1,816 จุด

เอเซีย พลัส มองตลาดหุ้นไทย 4Q64 “Restart Economy” แนะนำแนะนำสะสมหุ้นกลุ่ม Restart Economy และ Restructure SET50/100 เกาะเทรนด์หุ้นพลังงานสะอาด

เอเซีย พลัส ประเมินภาพรวมการลงทุนในช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 คาดว่าปัจจัยต่างๆที่กดดันตลาดหุ้นน่าจะเหลืออีกไม่มาก ถือเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี เพื่อคาดหวังการเติบโตที่แข็งแรงในช่วงที่เหลือของปี 2564 ต่อเนื่องในปี 2565 โดยวางเป้าหมายดัชนีปี 2565 ในเบื้องต้นไว้ที่ระดับ 1,816 จุด

คุณเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า “ปัจจัยรบกวนตลาดหุ้นจำนวน 4 ประการ อันได้แก่ 1.ความกังวลกรณีบริษัท Evergrande 2.การส่งสัญญาณลดวงเงิน QE (QE Tapering) ของ Fed 3.ความเสี่ยงจากสถานการร์น้ำท่วมในประเทศ 4.กำไรบริษัทจดทะเบียนช่วง 2H64 มีโอกาสลดลง โดยเฉพาะช่วง 3Q64 แต่โดยรวมประเมินตลาดหุ้นได้ซึมซับไปแล้วในระดับนึงแล้ว”

“ฝ่ายวิจัยคาดว่าเศรษฐกิจไทยงวด 3Q64 จะหดตัว 5.3% yoy แต่จะเห็นการฟื้นตัวของดีขึ้นในช่วง 4Q64 จากการทยอยผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ พร้อมๆกับการจัดหาวัคซีนมากขึ้น อีกทั้งผู้ติดเชื้อทยอยลดลงตามลำดับในช่วงปลายปีเป็นต้นไป หนุนเศรษฐกิจเติบโตแบบชัดเจนขึ้นในปี 2565 โดยฝ่ายวิจัยประเมิน GDP ปี 2565 เติบโตถึง 3.2% yoy จาก หดตัว 0.4% yoy ในปี 2564 เช่นเดียวกับกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2565 ที่เบื้องต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 9.21 แสนล้านบาท เติบโตถึง 8.8%yoy”

 

“ฝ่ายวิจัยคาดว่าเศรษฐกิจไทยงวด 3Q64 จะหดตัว 5.3% yoy แต่จะเห็นการฟื้นตัวของดีขึ้นในช่วง 4Q64 จากการทยอยผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ พร้อมๆกับการจัดหาวัคซีนมากขึ้น อีกทั้งผู้ติดเชื้อทยอยลดลงตามลำดับในช่วงปลายปีเป็นต้นไป หนุนเศรษฐกิจเติบโตแบบชัดเจนขึ้นในปี 2565 โดยฝ่ายวิจัยประเมิน GDP ปี 2565 เติบโตถึง 3.2% yoy จาก หดตัว 0.4% yoy ในปี 2564 เช่นเดียวกับกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2565 ที่เบื้องต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 9.21 แสนล้านบาท เติบโตถึง 8.8%yoy” 

ปลายเดือน ก.ย. 2564 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเปิดฟังความคิดเห็นหลักเกณฑ์การทบทวนดัชนี SET50/100 ซึ่งมีแนวคิดนำมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ที่มีการนำจำนวนหุ้นที่ถือโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) หรือ Free Float Adjusted Market Capitalization และระยะเวลาที่หลักทรัพย์นั้นเข้าข่ายการกำกับการซื้อขาย มาร่วมคำนวณดัชนีด้วย ถ้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับหลักเกณฑ์การคัดเลือกหลักทรัพย์เข้าดัชนีจริง ประเมินว่าจะสร้างความผันผวนต่อตลาดหุ้นได้ในช่วงสั้น เพราะในตลาดมีทั้งหุ้นที่ประโยชน์ และได้รับผลกระทบจากหลักเกณฑ์ใหม่ แต่เชื่อว่าในระยะยาวจะช่วยให้ดัชนีมีเสถียรภาพ และสะท้อนความสามารถในการลงทุนได้อย่างเหมาะสม

คุณเทิดศักดิ์ กล่าวต่อว่า “ในมุม Valuation ยังคงดัชนีเป้าหมาย SET Index ปี 2564 ที่ 1,670 จุด ขณะที่ปี 2565 ประเมินเป้าหมายดัชนีภายใต้ Market Earning Yield Gap ที่ระดับ 3.9% (ระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยในอดีต) ตามกลไกจะได้ PER65F เหมาะสมที่ 22.7 เท่า และเมื่อคูณกับ EPS65F ที่ 80.0 บาท/หุ้น โดยประเมินกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2565F  มีจำนวนที่ 9.21 แสนล้านบาท จะได้ดัชนีเป้าหมายขั้นต้น 1,816 จุด” 

รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวทิ้งท้ายว่า กลยุทธ์การลงทุนในช่วง 4Q64 แนะนำสะสมหุ้นใน 2 ธีมหลัก คือ Restart Economy และ Restructure SET50/100 เพื่อรองรับการเติบโตต่อเนื่องในปี 2565 พร้อมกับกระจายการลงทุนหลากหลาย Sector และเลือกมาเฉพาะหุ้นที่มีความโดดเด่นเป็นอันดับต้นๆ ของกลุ่ม อย่างเช่น ADVANC, AEONTS, CPALL, CPN, KBANK และ TOP