พลิกโฉม SME อาเซียนสู่อนาคตดิจิทัลและความยั่งยืน | ASEAN Insight

พลิกโฉม SME อาเซียนสู่อนาคตดิจิทัลและความยั่งยืน | ASEAN Insight

ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME กลับแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวอย่างโดดเด่น จนกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจภูมิภาคอาเซียน

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภูมิภาคอาเซียนเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทั้งจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจหยุดชะงัก เงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นทั่วโลก และอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME กลับแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวอย่างโดดเด่น จนกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจภูมิภาคอาเซียน

ความสำคัญของ SME ไม่ได้อยู่แค่จำนวนที่มีสูงถึง 99% ของกิจการในภูมิภาคอาเซียน แต่ยังอยู่ที่บทบาทอย่างมีนัยสำคัญต่อการจ้างงาน การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก รวมทั้งการสร้างนวัตกรรมใหม่ที่ขับเคลื่อนการเติบโตของภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง

รายงาน SME Policy Index 2024 จัดทำโดย ERIA และ OECD ชี้ให้เห็นว่า แม้ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก แต่ประเทศสมาชิกอาเซียนส่วนใหญ่สามารถปรับตัวและพัฒนานโยบายสนับสนุน SME ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อเทียบกับการประเมินเมื่อปี 2018 โดยคะแนนเฉลี่ยทุกมิติที่ประเมินปรับตัวสูงขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่ชัดเจนของกรอบนโยบาย SME ทั่วภูมิภาค

ซึ่งชี้ให้เห็นว่าประเทศสมาชิกอาเซียนกำลังเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้น ความแตกต่างระหว่างประเทศลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เป็นสัญญาณของการบูรณาการเชิงนโยบายที่กำลังก่อรูปขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

แม้โควิด-19 สร้างผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจอาเซียนในหลายมิติ แต่ได้กลายเป็นตัวเร่งให้ SME อาเซียนปรับตัวสู่โลกดิจิทัลเร็วขึ้นอย่างชัดเจน ผู้ประกอบการจำนวนมากปรับตัวใช้ระบบชำระเงินดิจิทัล เปิดหน้าร้านออนไลน์ ทดลองทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย และเรียนรู้การประยุกต์ใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างคล่องตัวยิ่งขึ้น

รัฐบาลหลายประเทศตอบสนองโดยการพัฒนาโปรแกรมสนับสนุนดิจิทัล เช่น การอบรมทักษะ การให้คำปรึกษา และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับ SME ส่งผลให้เศรษฐกิจฐานรากของอาเซียนสามารถยืนหยัดและเดินหน้าต่อไปได้ แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่อง

มาตรการพัฒนา SME ด้านนวัตกรรมก็มีความก้าวหน้าอย่างชัดเจน หลายประเทศเร่งลงทุนในศูนย์นวัตกรรม เขตอุตสาหกรรมเฉพาะทาง การขับเคลื่อนโครงการจับคู่ธุรกิจ ตลอดจนระบบคูปองนวัตกรรมเพื่อให้ SME เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ประเทศที่มีความก้าวหน้ามาก เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ซึ่งได้ริเริ่มสร้างความร่วมมือข้ามพรมแดน สนับสนุนให้ประเทศเพื่อนบ้านนำประสบการณ์และโครงสร้างพื้นฐานไปพัฒนาต่อยอด เพื่อยกระดับระบบนิเวศด้านนวัตกรรมของภูมิภาคให้แข็งแกร่งและมีความเชื่อมโยงกันมากขึ้น

รายงาน SME Policy Index 2024 ชี้ว่า SME ภูมิภาคอาเซียนตระหนักถึงความยั่งยืนมากขึ้นซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว ได้มุ่งสู่การปรับใช้มาตรการที่สำคัญ ประกอบด้วย การลดคาร์บอน การใช้พลังงานหมุนเวียน การปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

แม้ผู้ประกอบการจำนวนมากยังมีความรู้ระดับเริ่มต้น แต่หลายประเทศได้เริ่มจัดทำมาตรการสนับสนุน เช่น เงินกู้สีเขียว มาตรการจูงใจด้านภาษี หรือโปรแกรมเสริมสร้างความรู้ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อช่วยให้ SME สามารถก้าวเข้าสู่มาตรฐานสากลด้านความยั่งยืนได้ง่ายขึ้นในอนาคต

ปัญหาสำคัญที่ SME ต้องเผชิญและต้องการแรงสนับสนุนเพิ่มเติม ได้แก่ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งยังเป็นอุปสรรคใหญ่ของผู้ประกอบการรายเล็กในหลายประเทศ แม้ระบบสินเชื่อฟินเทค และการชำระเงินแบบดิจิทัลจะเติบโตขึ้นมาก แต่การเข้าถึงสินเชื่อเพื่อการลงทุนระยะยาวยังมีข้อจำกัด

นอกจากนั้นหลายประเทศยังขาดข้อมูล SME ที่เป็นระบบและสามารถนำไปใช้กำหนดนโยบายได้อย่างแม่นยำ รายงานจึงเสนอให้เกิดการพัฒนากลไกข้อมูลระดับภูมิภาค และความร่วมมือข้ามประเทศ เช่น ระบบข้อมูลเครดิตร่วมกัน หรือแพลตฟอร์มสนับสนุนเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับ SME ที่ต้องการเติบโตสู่ตลาดภูมิภาคและตลาดโลก

รายงานฉบันนี้ให้ข้อเสนอแนะว่า การพัฒนา SME ในภูมิภาคควรดำเนินการร่วมกันหลายมาตรการ ประกอบด้วย การยกระดับนิยาม SME ให้ใกล้เคียงกันทั้งภูมิภาค การบูรณาการนโยบายดิจิทัล นวัตกรรม และความยั่งยืนเข้าด้วยกัน การสร้างระบบประเมินผลที่อาศัยข้อมูลจริงเพื่อให้การกำหนดนโยบายมีความแม่นยำมากกว่าเดิม แนวทางเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้ SME แข็งแกร่งขึ้น แต่ยังช่วยให้เศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนมีความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

SME อาเซียนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่สามารถนำพาภูมิภาคก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืนและดิจิทัลมากขึ้น หากประเทศสมาชิกร่วมมือกันพัฒนานโยบายอย่างต่อเนื่อง และสนับสนุน SME ให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ อาเซียนจะมีศักยภาพมากพอที่จะก้าวขึ้นเป็นภูมิภาคที่มี SME แข็งแกร่งที่สุดแห่งหนึ่งของโลกได้อย่างแน่นอน