ก.ล.ต.-ตลท.จี้ STEC-STPI แจงข้อมูล กรณีดีลซื้อหุ้น STIT ไม่คืบ

ก.ล.ต.-ตลท.จี้ STEC-STPI แจงข้อมูล กรณีดีลซื้อหุ้น STIT ไม่คืบ

ก.ล.ต.สั่ง STEC-STPI แจงข้อมูล หลังผู้ถือหุ้นรายย่อย ยื่นหนังสือร้องตรวจสอบเหตุยังไม่ดำเนินการตามมติผู้ถือหุ้นในการเข้าซื้อกิจการ STIT ก่อนตรวจสอบเชิงลึกเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย “ภากร” จี้แจงด่วนหลังตัวแทนผู้ถือหุ้นโผล่ร้องเรียน

นางสาวจอมขวัญ คงสกุล ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ตัวแทนผู้ถือหุ้นรายย่อยของ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) และ บมจ.เอส ที พี แอนด์ ไอ (STPI) เข้ายื่นหนังสือถึงเลขาธิการ ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ดำเนินการสอบสวนคณะกรรมการ STEC เนื่องจากยังไม่ดำเนินการตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการเข้าซื้อกิจการบริษัท เอสทีไอที จำกัด จาก STPI ส่งผลให้ผู้ร้อง ผู้ถือหุ้นทุกคน และบริษัทได้รับความเสียหายนั้น

ทั้งนี้ก.ล.ต.ได้แจ้งไปยัง STEC และ STPI เพื่อให้ชี้แจงข้อมูลในเรื่องดังกล่าวมาที่สำนักงาน ก.ล.ต.แล้ว ก่อนที่ก.ล.ต.จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

“เบื้องต้นยังไม่สามารถตัดสินได้ว่ากรณีดังกล่าวบริษัทดำเนินการถูกหรือผิดอย่างไรในรายละเอียด และในกรณีที่ทำผิดกฎหมายจะต้องพิจารณารายละเอียดอีกครั้งว่าผิดในข้อใดบ้าง และจะต้องได้รับโทษอย่างไร”

เมื่อสอบถามถึงรายงานข่าวที่ STEC เตรียมจัดประชุมคณะกรรมบริษัทเพื่อยกเลิกมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นย้อนหลัง หรือยกเลิกซื้อกิจการของเอสทีไอทีนั้น นางสาวจอมขวัญ กล่าวว่า บริษัทสามารถทำได้หากพิสูจน์ได้ว่าการยกเลิกมติเดิมที่ผู้ถือหุ้นอนุมัติแล้วเป็นผลดี หรือเป็นประโยชน์สูงสุดให้กับผู้ถือหุ้นมากกว่าการดำเนินการตามมติ เช่น ในกรณีเข้าซื้อเอสทีไอที หากจะยกเลิกมติเดิม จะต้องพิสูจน์ได้ว่าการเข้าซื้อส่งผลลบมากกว่าผลบวกต่อผู้ถือหุ้น

ราคาหุ้น STEC-STPI

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตามปกติเมื่อเกิดความไม่ชัดเจน หรือมีผู้ถือหุ้นร้องเรียนบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์จะแจ้งให้ทางบริษัทจดทะเบียนชี้แจงข้อมูลผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อให้นักลงทุนทราบเป็นการทั่วไป 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวานนี้ (9ก.ย.64) นางน้ำทิพย์ วิชชุเกรียงไกร ในฐานะตัวแทนกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยของ STEC และ นายภานุพงศ์ คุโณปการพันธ์ ในฐานะตัวแทนกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยของ STPI เข้ายื่นหนังสือถึงผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อขอให้ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ และเลขาธิการ ก.ล.ต.ดำเนินการสอบสวน คณะกรรมการของ STEC เนื่องจากคณะกรรมการบริษัท STEC ยังไม่ดำเนินการตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ทำให้ผู้ร้อง ผู้ถือหุ้นทุกคน และบริษัทได้รับความเสียหาย

ทั้งนี้ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2563 คณะกรรมการ STEC ได้ขอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการเข้าซื้อกิจการบริษัท เอสทีไอที จากบริษัท STPI ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ STEC โดยคณะกรรมการ STEC ได้ชี้แจงถึงข้อดีและประโยชน์ที่จะได้รับจากการซื้อเอสทีไอที

โดยเวลาผ่านมาเกือบ 1 ปีแล้ว แต่ STEC ยังไม่ได้เข้าซื้อกิจการเอสทีไอที และไม่ได้แจ้งความคืบหน้าใดๆให้ผู้ถือหุ้นทราบเลย จึงส่งหนังสือสอบถามไปยังคณะกรรมการ STEC  เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2564 จึงได้แจ้งความคืบหน้าในวันที่ 23 ส.ค.2564 ว่า STEC ยังไม่ได้มีข้อตกลงใดๆ เพื่อการลงนามเกี่ยวกับเอกสารสำคัญต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมดังกล่าว

      นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ว่าคณะกรรมการ STEC อาจจะจัดประชุมขึ้นในเร็วๆนี้ ซึ่งอาจมีวาระให้ยกเลิกการซื้อกิจการดังกล่าว  ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อย STEC ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 22,700 คน และบริษัทเสียหาย รวมทั้งยังจะทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยของ STPI ซึ่งมีจำนวนกว่า 11,400 คน เสียหายเช่นกัน

      ด้านนายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ STEC ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 23 ส.ค.2564 โดยอ้างถึงมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2563 ที่อนุมัติการเข้าซื้อกิจการบริษัท เอสทีไอที จำกัด ที่มีเฉพาะสินทรัพย์ดำเนินงานจาก STPI และ อนุมัติมอบอำนาจให้นายภาคภูมิ มีอำนาจในการเข้าทำการตกลง การลงนาม หรือการแก้ไขเอกสาร สำคัญต่างๆที่เกี่ยวข้องและดำเนินการใดๆตามที่จำเป็นและสมควรนั้น

บริษัทรายงานความคืบหน้าในการเข้าทำรายการซื้อกิจการ  เอสทีไอที ให้ทราบว่า ณ ปัจจุบันยังไม่ได้มีข้อตกลงใดๆ เพื่อการลงนามเกี่ยวกับเอกสารสำคัญต่างๆที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมดังกล่าวแต่อย่างใด