ร้องก.ล.ต. -ตลท.สอบSTEC-STPI มติที่ผู้ถือหุ้นยังไม่เข้าซื้อ STIT

ร้องก.ล.ต. -ตลท.สอบSTEC-STPI มติที่ผู้ถือหุ้นยังไม่เข้าซื้อ STIT

ผู้ถือหุ้นรายย่อย STEC-STPI ร้องก.ล.ต.-ตลาดหลักทรัย์ ตรวจสอบคณะกรรมการ STEC-STPI เหตุไม่ดำเนินการเข้าซื้อกิจการ STITหลังผู้ถือหุ้นอนุมัติแล้วเกือบ 1 ปี ทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยเสียหาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2564 นางน้ำทิพย์ วิชชุเกรียงไกร ในฐานะตัวแทนกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ  STEC เข้ายื่นหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอให้ก.ล.ต.ดำเนินการสอบสวนคณะกรรมการของ STEC เนื่องจากคณะกรรมการบริษัท STEC ยังไม่ดำเนินการตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ทำให้ผู้ร้อง ผู้ถือหุ้นทุกคน และบริษัทได้รับความเสียหาย 

นอกจากนี้นางน้ำทิพย์ ยังได้ยื่นร้องเรียนต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเช้าวันนี้(9ก.ย.) ด้วยเช่นกัน

    

หนังสือร้องเรียน ระบุว่าในที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ทางคณะกรรมการ STEC ได้ขอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการเข้าซื้อกิจการ บริษัท เอส ที ไอ จำกัด หรือ STIT จากบริษัท เอส ที พี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STPI ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ STEC โดยประธานกรรมการSTECให้ความมั่นใจ และตอบคำถามต่อผู้ถือหุ้น ถึงข้อดีและผลดีระยะยาวของการเข้าซื้อ STIT

พร้อมทั้ง ได้ชี้แจงข้อดีและประโยชน์ต่าง ๆ ที่ STEC จะได้รับจากการซื้อ STIT ให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นทราบ เช่น การเข้าซื้อ STIT เป็นการสนับสนุนธุรกิจของบริษัท ทำให้บริหารต้นทุนได้ดี และได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดี เป็นต้นทำให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นเชื่อข้อมูลดังกล่าว และเห็นว่าธุรกิจในอนาคตของบริษัทจะดียิ่งขึ้นจากการซื้อ STIT 

ดังนั้นที่ประชุมผู้ถือหุ้นจึงมีมติอนุมัติการเข้าซื้อกิจการ STIT อย่างไรก็ตาม นับจนถึงวันนี้ เวลาได้ล่วงเลยมาเกือบจะ 1 ปีแล้ว แต่ ซิโน-ไทย ยังไม่ได้เข้าซื้อกิจการ STIT และไม่ได้แจ้งความคืบหน้าใด ๆ ให้ผู้ถือหุ้นทราบเลย ซึ่งการกระทำดังกล่าวผิดปกติวิสัยของการประกอบธุรกิจ 

จนกระทั่งข้าพเจ้ามีหนังสือสอบถามไปยังคณะกรรมการบริษัท ซิโน-ไทย เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2564 ซิโน-ไทย จึงได้แจ้งความคืบหน้าในวันที่ 23 สิงหาคม 2564 ว่า บริษัทฯ ยังไม่ได้มีข้อตกลงใด ๆ เพื่อการลงนามเกี่ยวกับเอกสารสำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมดังกล่าวแต่อย่างใด

นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ว่าคณะกรรมการบริษัท STEC อาจจะจัดประชุมขึ้นในเร็วๆนี้ เนื่องจากใกล้ที่จะอนุมัติงบไตรมาส ซึ่งอาจมีวาระให้ยกเลิกการซื้อกิจการดังกล่าว  ซึ่งจะทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อย STEC ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 22,700 คน และบริษัทเสียหาย นอกจากนี้ทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยของ STPI ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 11,400 คน เสียหายด้วย  

ด้านนายภานุพงศ์ คุโณปการพันธ์ ในฐานะตัวแทนกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัท เอส ที พี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) STPIได้ยืนหนังสือถึงเลขาธิการก.ล.ต. ให้ดำเนินการตรวจสอบ คณะกรรมการบริษัท STEC ในกรณีดังกล่าวด้วยเช่นกัน  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ STEC แจ้งตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 23 ส.ค.2564 อ้างถึงมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ที่อนุมัติการเข้าซื้อกิจการบริษัท เอสทีไอที จำกัด ที่มีเฉพาะสินทรัพย์ดำเนินงาน (Operating Assets) จากบริษัทฯ เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน)  และ อนุมัติมอบอำนาจให้ นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ มีอำนาจในการเข้าทำการตกลง การลงนาม หรือการแก้ไขเอกสาร สำคัญต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและดำเนินการใดๆ ตามที่จำเป็นและสมควร นั้น
บริษัทฯ ขอรายงานความคืบหน้าในการเข้าทำรายการซื้อกิจการ บริษัท เอสทีไอที จำกัด  ให้ทราบว่า ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังไม่ได้มีข้อตกลงใดๆ เพื่อการลงนามเกี่ยวกับเอกสารสำคัญต่างๆที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งนี้ เพื่อรักษาไว้ซึ่งประโยชน์ของบริษัทฯ แต่เนื่องจากมีผู้ถือหุ้นรายย่อยบางรายทำหนังสือสอบถามถึงความคืบหน้าในกรณีดังกล่าว  บริษัทฯจึงขอแจ้งสถานะปัจจุบันของเรื่องดังกล่าวให้รับทราบโดยทั่วกัน และ หากมีความคืบหน้าประการใด บริษัทฯจะได้แจ้งให้ทราบต่อไป