TIDLOR (16 ส.ค.64)

TIDLOR (16 ส.ค.64)

ผลประกอบการ 2Q64: ยังคงอ่อนแอ

Event

กำไรสุทธิของ TIDLOR ใน 2Q64 อยู่ที่ 777 ล้านบาท (-1% QoQ, 176% YoY) ต่ำกว่า consensus ประมาณ 8% ในขณะที่กำไรสุทธิในงวด 1H64 อยู่ที่ 1.59 พันล้านบาท (+59%) คิดเป็น 46% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา ทั้งนี้ กำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง YoY สะท้อนถึงฐานที่ต่ำใน 2Q63 จากการกลับรายการรายได้ดอกเบี้ยประมาณ 500 ล้านบาท

lmpact

ขยายสินเชื่ออย่างระมัดระวัง โดยที่ทั้ง yield และ margin ของสินเชื่อยังทรงตัว

บริษัทขยายสินเชื่ออย่างระมัดระวัง (+3% QoQ และ +7% YTD) สวนทางกับบริษัท non-bank อื่น ๆ ซึ่งรุกขยายสินเชื่อในช่วงที่มีความต้องการสินเชื่อฉุกเฉินสูงเพราะ COVID-19 ระบาด ในขณะเดียวกัน yield สินเชื่อยังทรงตัวอยู่ในช่วง 17.5-15.7%, ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินทรงตัวอยู่ที่ 2.9% และ
margin อยู่ที่ประมาณ 14.5% เราคิดว่าการขยายสินเชื่ออย่างระมัดระวังเป็นความตั้งใจของบริษัทที่จะรักษาระดับ NPL และยอดกันสำรองไว้ในระดับต่ำ

รายได้จากธุรกิจประกันเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง YoY แต่ลดลง QoQ

จากนโยบายที่มุ่งเพิ่มรายได้ค่านายหน้าจากการเป็นนายหน้าประกันภัย รายได้ค่าธรรมเนียมในส่วนนี้ยังคงแข็งแกร่ง โดยคิดเป็น 14% ของรายได้ใน 2Q64 (ลดลงจาก 16% ใน 1Q64 แต่เพิ่มขึ้นจาก 8% ใน 2Q64) และช่วยหนุนกำไรจากการดำเนินงานก่อนกันสำรอง (PPOP) ให้เพิ่มขึ้น (+1% QoQ, +42%
YoY ใน 2Q64 และ +18% ใน 1H64

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงเพียงเล็กน้อย ถือเป็นด้านที่อ่อนแอซึ่งบริษัทต้องปรับปรุง

เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ในการสร้างการรับรู้แบรนด์ และมีการบันทึกค่าใช้จ่าย A&P ใน 1Q64 การที่ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ลดลงไม่ถึง 100 ล้านบาท QoQ (-5% QoQ) จึงดูน้อยกว่าที่เราคาดเอาไว้ ในขณะเดียวกัน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น YoY ในอัตราที่สูงกว่ารายได้ใน 2Q64 และ
1H64 โดยสัดส่วน C/I ใน 2Q64 อยู่ที่ 52% และใน 1H64 อยู่ที่ 53% (ของหุ้นอื่นในกลุ่ม <40%)

Valuation and action

เนื่องจากกำไรสุทธิในงวด 1H64 คิดเป็น 47% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา, ไม่มีสัญญาณว่าบริษัทสามารถคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะสั้น, มีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงใน 3Q64 เราจึงเตรียมปรับลดประมาณการกำไร และราคาเป้าหมายลงอีก (ราคา
เป้าหมายปี 2565F ในปัจจุบันอยู่ที่ 50 บาท)

Risks

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น, NPL เพิ่มขึ้น และกันสำรองเพิ่มขึ้น