"Thailand Strategy" (9 มิ.ย.63)

"Thailand Strategy" (9 มิ.ย.63)

สลับไปสู่หุ้นเติบโตที่น่าดึงดูดและสมเหตุสมผล

ตลาดได้คาดการณ์กำไรที่ลดลงและเพิ่มขึ้นในปี 2020F และ 2021F ตามลำดับ คาดว่ากำไรรวมของทั้งตลาดอาจจะลดลงได้ถึงระดับ 26.2% ในปี 2020F และฟื้นตัวในระดับที่ใกล้เคียงกันใน 2021F หลักจากการปรับลดคาดการณ์กำไรลง เราเชื่อว่าเราได้ผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้ว ด้วย forward PER valuation ที่ตึงตัว (ในช่วงสิ้นปี 2020F และกลางปี mid-2021F) เราแนะนำให้นักลงทุนสลับไปสู่หุ้นที่มี valuation น่าสนใจและการเติบโตที่สมเหตุสมผล – BDMS, CPF, DTAC, KBANK, BBL และ CPALL.

 

มุมมองของการเติบโตของกำไรแบบ Bottom-up จะทำให้เกิดการฟื้นตัวแบบ V-shape

หลังจากการประกาศผลประกอบการ 1Q20 นักลงทุนได้ระมัดระวังในการเติบโตของผลกำไรทั้งในปี 2020-21F เราได้ทำการรวบรวมการเติบโตของกำไรแบบ bottom-up รวมถึงการปรับลดระมาณการและได้พบว่าตลาดได้คาดหวังการฟื้นตัวแบบ V-shape ในช่วงปี 2020-21F (annual basis) โดยกลุ่มที่คาดว่าจะมีการเติบโตที่แข็งแกร่งจะมีปิโครเคมีและสื่อ ในขณะที่คาดว่ากลุ่มท่องเที่ยวและการขนส่งจะมีการฟื้นตัวที่ช้า

 

เราได้ผ่านช่วงการปรับคาดการณ์กำไรที่แย่ที่สุดไปแล้ว

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ไม่มีปีไหนที่มีการปรับลดประมาณการมากกว่า 20% แต่ก่อนหน้าที่จะเข้าสู่ 3Q20  ตลาดได้ปรับลดคาดการณ์กำไรปี 2020F และ 2021F ราว 32% และ 21% ตามลำดับ ความรวดเร็วของการปรับลดคาดการณ์นั้นมากที่สุดในช่วงเดือนมีนาคมและพฤษภาคมที่มีการปรับลดกำไรลงราว 13% และ 11% ตามลำดับ(สำหรับปี 2020F) เราเชื่อว่าตลาดได้ผ่านการปรับประมาณการที่แย่ที่สุดไปแล้ว

 

PER valuation ที่ตึงตัวทำให้ upside ของหุ้นค่อนข้างจำกัด

ตลาดพยายามที่จะมองข้ามกำไรในปี 2020F เนื่องจากเป็นปีที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ Covid-19 และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ติดขัด เราจึงสร้างโมเดลที่สามารถนำมาเปรียบเทียบมูลค่าราคาหุ้นปัจจุบัน กับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนช่วงปี 2021 และ 2022 (สิ้นปี 2020F และ กลางปี 2021F) ซึ่งผลที่ออกมาแสดงถึงส่วนเพิ่ม (premium) ของราคาหุ้นปัจจุบันแม้ว่าจะเทียบกับคาดการณ์กำไรปี 2021F หรือ 2022F แล้วก็ตาม ซึ่งราคาหุ้นอาจจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงได้ต่อในระยะเวลาสั้นๆ เนื่องจาก sentiment การลงทุนที่ดี

 

สลับสู่หุ้นที่มี valuation ที่น่าดึงดูดพร้อมกับการเติบโตที่สมเหตุสมผล– BDMS, CPF, DTAC, KBANK, BBL และCPALL.

เราแนะนำให้นักลงทุนจากหุ้วัฎจักรที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าตลาดมาสู่หุ้นที่มีการเติบโตและ PER valuation ที่สมเหตุสมผล จากผลประกอบการที่มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ในระดับที่ โอเค (มองว่าจะเกิดการฟื้นตัวของผลประกอบการแบบ V-share) ได้แก่ หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล, อาหาร, สื่อสาร, ธนาคาร และพาณิชย์ แนะนำสลับจากหุ้นกลุ่มวัฎจักรเข้า BDMS, CPF, DTAC, KBANK, BBL และ CPALL