Oil shock

Oil shock

ระวังแรงขายลดความเสี่ยงจากความกังวลงบ 1Q20 ในหลายกลุ่มที่จะหดตัวลงซึ่งเป็นตัวฉุดต่อทิศทางดัชนี

ตลาดหุ้นวานนี้

SET วานนี้ปรับตัวขึ้นแรงปิดที่ 1,266 จุด (+27.16 จุด) หรือ +2.19% ด้วย Volume ซื้อขาย 6.7 หมื่นล้านบาท ตามความคาดหวังการผ่อนปรนมาตรการ Lockdown ให้บางธุรกิจกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติหลังยอดผู้ติดเชื่อ Covid-19 ของไทยทรงตัวต่อเนื่อง ประกอบกับข่าวกกบ.คลายมาตรฐาน TFRS9  ส่งผลให้มีแรงซื้อในกลุ่ม BANK FIN COMM และ TRANS หนุนดัชนี ส่วนนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิ 1,829 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,346 ล้านบาท อีกทั้ง Net Short TFEX 865 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัว 1,250 - 1,280 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะยังได้แรงหนุนจากความคาดหวังการผ่อนปรนมาตรการ Lockdown หลังสถานการณ์ไวรัส Covid-19 ของไทยมีแนวโน้มทรงตัว เช่นเดียวกับหลายประเทศในฝั่งยุโรปรวมถึงสหรัฐที่มีท่าทีเปิดเมืองบางรัฐซึ่งเป็นบวกต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและทิศทางการลงทุน อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงอย่างหนักจากความกังวลด้าน Demand ,คลังน้ำมันของสหรัฐใกล้เต็มความจุและภาวะน้ำมันล้นตลาดจะเป็นลบต่อกลุ่มธุรกิจน้ำมัน นอกจากนี้ควรระวังแรงขายลดความเสี่ยงจากความกังวลงบ 1Q20 ในหลายกลุ่มที่จะหดตัวลงซึ่งเป็นตัวฉุดต่อทิศทางดัชนี

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มที่ได้อานิสงส์ต้นทุนราคาน้ำมันลดลง (TASCO, EPG, IVL)
  • กลุ่ม Finance (KTC, SAWAD, MTC, JMT, BAM) กกบ.คลายมาตรฐาน TFRS9 และได้ประโยชน์ซอฟ์ทโลนดอกเบี้ยต่ำจากภาครัฐพื่อแลกกับการพักชำระหนี้
  • กลุ่มค้าปลีก (CRC, CPN, HMPRO, GLOBAL, COM7) และกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม (AOT, CENTEL, MINT, ERW) อานิสงส์ยอดผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในไทยทรงตัวลง และคาดหวังการผ่อนปรนมาตรการ Lockdown
  • กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ค่อนข้างน้อย ICT (ADVANC, INTUCH, DTAC) และกลุ่มอาหาร (CPF)

หุ้นแนะนำวันนี้

  • EPG (ปิด 4.4 ซื้อ/เป้า 7.5) ได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบขาลงคาดกดดันราคาต้นทุนเม็ดพลาสติกปรับตัวลงตามหนุนมาร์จิ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น ด้านผลกำไร 4Q20 (ม.ค.-มี.ค.20) คาดว่าจะยังทรงตัวเหนือระดับ 200 ล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากกำไรที่แข็งแกร่งของธุรกิจ Aeroflex และ Aeroklas ซึ่งได้ผลบวกโดยตรงจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเพราะกว่า 60% ของทั้งสองธุรกิจมีรายได้จากต่างประเทศ
  • CPF (ปิด 27.5 ซื้อ/เป้า 32.75) คาดกำไรสุทธิ 1Q20 โตโดดเด่นสวนทางกับกลุ่มธุรกิจอื่นๆที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิ 1Q20 ประมาณ 5 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 20%qoq และ 52%yoy

บทวิเคราะห์วันนี้

SPRC (ปิด 4.98 ซื้อ/เป้า 8.0)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (-) ราคาน้ำมันดิบ WTI ผันผวนหนัก โดยเฉพาะราคาส่งมอบเดือน พ.ค.ติดลบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขายในตลาด NYMEX: ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค.ลดลงแรงถึง 55.90 ดอลลาร์ หรือ306% ปิดที่ -37.63 ดอลลาร์/บาร์เรล จาก 1) กังวลดีมานด์หดตัวจากวิกฤติ Covid-19, 2)กังวลสต๊อกน้ำมันดิบในสหรัฐเพิ่มขึ้นหลังมีกระแสข่าวว่าคลังกักเก็บน้ำมันสำรองของสหรัฐใกล้เต็มความจุแล้ว และ 3) นักลงทุนลดการถือครองสัญญาน้ำมันเนื่องจากสัญญาส่งมอบเดือน พ.ค.จะหมดอายุในวันนี้ อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบ WTI ราคาส่งมอบเดือน มิ.ย.แม้จะปรับตัวลงเช่นกันแต่ราคาก็ยังอยู่ที่ระดับ 20$/bbl โดยลดลง 4.60 ดอลลาร์ (-18.3%) ปิดที่ระดับระดับ 20.03 ดอลลาร์/บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงสู่แดนลบจะส่งผลลบต่อ Sentiment การลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานบ้านเราแต่อยู่ในกรอบจำกัดเนื่องจากผู้ประกอบการบ้านเราส่วนใหญ่ใช้ราคาน้ำมันดิบ ดูไบ และ น้ำมันดิบ Brent เป็นตัวอ้างอิง (Fiscal price) ซึ่งราคาจะผันผวนน้อยกว่าเมื่อเทียบ WTI ซึ่งเป็นราคาในตลาดซื้อขายล่วงหน้า
  • (+) กลุ่มธนาคารประกาศงบ 1Q20 ส่วนใหญ่มีผลกำไรดีกว่าที่ตลาดคาดไว้วันนี้ติดตามอีก 3 แบงก์ใหญ่ประกาศงบ: วานนี้หุ้นในกลุ่มธนาคารทยอยประกาศงบ 1Q20 ส่วนใหญ่มีผลกำไรออกมาดีกว่าที่ Consensus คาดไว้นำโดย SCB มีกำไรสุทธิ 9.2 พันล้านบาททรงตัว yoy แต่เพิ่มขึ้น 68%qoq และดีกว่าที่ตลาดคาด 34% จากผลบวกที่แบงก์ชาติให้ลดเงินนำส่งกองทุน FIDF และ สภาวิชาชีพให้ผ่อนคลายเกณฑ์การจัดชั้นลูกหนี้โดยเฉพาะ NPLs ขณะที่ TMB มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากที่สุดโดยมีกำไรสุทธิ 4.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 158%qoq และ 164%yoy แต่เป็นผลจากการรวมงบของ TBANK เข้ามาเต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก ส่วน TISCO และ KKP (ไฟแนนซ์รถยนต์) แม้กำไรจะหดตัว qoq และ yoy แต่กำไรยังออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ 7% และ 42% ตามลำดับ ส่วนวันนี้ติดตาม BBL KBANK และ KTB หากผลกำไรยังดีกว่าที่ตลาดคาด จะส่งผลบวกต่อ Sentiment การลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งราคายัง laggard ที่สุดปรับขึ้นต่อ
  • (+) วันนี้ติดตามประชุม ครม.คาดมีความชัดเจนเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการ lockdown และให้ใช้ไฟฟ้าฟรีเป็นเวลา 3 เดือน: เราคาดว่าที่ประชุม ครม.ในวันนี้น่าจะมีการหารือกันถึงประเด็นการผ่อนคลายมาตรการ lockdown ซึ่งน่าจะมีการสรุปขั้นตอนออกมา เบื้องต้นคาดว่าน่าจะมีรายละเอียดกับที่ภาคเอกชนมีการเสนอไปเมื่อวาน โดยจะแบ่งเป็นเขตพื้นที่ และกลุ่มธุรกิจ (เขียว, เหลือง, แดง) กลุ่มสีเขียวคือจังหวัดที่ไม่มีผู้ติดเชื้อมีทั้งหมด 9 จังหวด สีเหลืองติดเชื้อปานกลางและแดงติดเชื้อจำนวนมาก ส่วนจังหวัดใดที่เป็นพื้นที่สีแดง อาทิ กรุงเทพฯ แต่หากกลุ่มธุรกิจอยู่ในกลุ่มสีเขียวเช่นร้านอาหารก็จะอนุญาติให้เปิดดำเนินการได้ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการเคร่งคัดโดยเฉพาะการเว้นระยะห่าง ปัจจัยนี้ระวังแรงขาย sell on fact เพราะหุ้นที่เกี่ยวข้องปรับขึ้นตอบรับกับปัจจัยนี้ไปแล้ว  และอีกประเด็นคือการใช้ไฟฟ้าฟรีเป็นเวลา 3 เดือน ต้องติดตามดูรายละเอียดโดยเฉพาะเงินที่จะนำมาอุดหนุนเป็นของภาครัฐทั้งหมดหรือจะต้องขอปรับลดค่าไฟจากภาคเอกชน