คาดน้ำมันดิบดูไบปีหน้าแกว่ง 55-60 เหรียญ/บาร์เรล

"ไทยออยล์" คาดราคาน้ำมันดิบดูไบปีหน้าเคลื่อนไหวในกรอบ 55-60 เหรียญ/บาร์เรล จากราคาปีนี้เฉลี่ยที่ 53 เหรียญ/บาร์เรล
บมจ.ไทยออยล์ คาดการณ์ว่า คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2561จะเคลื่อนไหวในกรอบ 55 – 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากราคาปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 53 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างแข็งแกร่งที่ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 98.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งทั่วโลก และความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตกลุ่มโอเปกและนอกกลุ่มโอเปกที่ตัดสินใจขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตรวมกันราว 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่สิ้นสุดในเดือน มี.ค. 61 เป็นสิ้นสุดเดือน ธ.ค. 61
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวเข้าสู่สมดุลของตลาดน้ำมันดิบยังคงเผชิญกับความเสี่ยง โดยตลาดอาจกลับมาประสบกับภาวะอุปทานล้นตลาดอีกครั้ง เนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องราว 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน (IEA เดือน พ.ย. 60) โดยปริมาณการผลิตจากผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นราว 7 แสนบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน (EIA เดือน พ.ย. 60)
โดยความกังวลหลักมาจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) ที่เพิ่มขึ้น หลังจากราคาน้ำมันที่อยู่ในช่วงขาขึ้น เกินจุดคุ้มทุนของราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยสำหรับผู้ผลิตในสหรัฐฯ ราว 50-55 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จูงใจให้ผู้ผลิต Shale Oil ในสหรัฐฯ กลับมาดำเนินการขุดเจาะและผลิตน้ำมันดิบมากขึ้น นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากบราซิลและแคนาดาที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นราว 4 แสนบาร์เรลต่อวัน
ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 2560 เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 53 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นจากราคาเฉลี่ยในปี 2559 ที่ 41.4 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังจากตลาดเข้าสู่ภาวะขาดดุลในปี 2560 ด้วยแรงสนับสนุนหลักจากความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตน้ำมันทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกที่ร่วมมือลดกำลังผลิต เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน นอกจากนี้ ความต้องการใช้น้ำมันที่แข็งแกร่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งแรงหนุนแก่ตลาด โดยอุปสงค์น้ำมันโลกขยายตัวกว่า 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 97.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน (สำนักงานพลังงานสากล - IEA เดือน พ.ย. 60) จากแรงขับเคลื่อนของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว รวมถึงแรงหนุนจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่จูงใจให้ผู้บริโภคใช้น้ำมันมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความพยายามของกลุ่มผู้ผลิตนำโดยกลุ่มโอเปก ที่จะปรับลดปริมาณการผลิต และผลักดันตลาดเข้าสู่ภาวะสมดุลจะยากขึ้น นับเป็นภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของกลุ่มโอเปกหรือ “OPEC’s Dilemma” เมื่อราคาน้ำมันดิบที่เริ่มฟื้นตัวจูงใจให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เริ่มกลับมาลงทุนขุดเจาะและผลิตน้ำมันอีกครั้ง ซึ่งเห็นได้จากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว จากระดับต่ำสุดที่ 316 แท่น ในเดือน พ.ค. 59 สู่ระดับ 751 แท่น (ณ วันที่ 8 ธ.ค.60) ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น 5 แสนบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนหน้าสู่ระดับ 9.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน (สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ - EIA เดือน พ.ย. 60)







