'สมิติเวช-ยันฮี' ลุยลงทุน เสริมบริการรับดีมานด์ต่างชาติ

'สมิติเวช-ยันฮี' ลุยลงทุน เสริมบริการรับดีมานด์ต่างชาติ

โรงพยาบาลเอกชนเดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยมีฐานลูกค้า "ชาวต่างชาติ" ที่เพิ่มขึ้นสร้างโอกาสธุรกิจต่อจากจากลูกค้าชาวไทย พร้อมวางกลยุ

นพ.นิธิวัฒน์ กิจศรีอุไร ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท กล่าวว่า ในปีนี้จะใช้งบไม่ต่ำกว่า 900 ล้านบาท ขยายการลงทุน โดยซื้อที่ดินขนาด 1 ไร่ บริเวณตรงข้ามโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท เพื่อก่อสร้างอาคารใหม่ ให้บริการรักษาโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร มะเร็งลำไส้ มีจำนวน 7 ชั้น ประกอบด้วย ศูนย์บริการผู้ป่วยญี่ปุ่น คลินิกทางด้านอาหารและตับ แผนกส่องกล้องและระบบทางเดินอาหาร เป็นการขยายบริการรองรับการรักษาอาการประเภทโรคมะเร็งลำดับ 1 ใน 3 ที่คนไทยป่วยมากสุด คาดเปิดบริการไตรมาส 2 ปี 2561
ในเดือน ก.ค.นี้ เตรียมเปิดบริการศูนย์กุมารเวชครบวงจร ที่โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช แคมปัส สุขุมวิท รองรับการบริการเด็กทั่วไปและเด็กพิเศษ รวมถึงทารกแรกเกิด โดยใช้งบกว่า 40 ล้านบาท ปรับปรุงและขยายพื้นที่จาก 1,000 ตร.ม.เป็น 2,000 ตร.ม.
ปัจจุบันโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท มีผู้ป่วยชาวไทย 60% ผู้ป่วยต่างชาติ 40% ในกลุ่มหลังนี้มีสัดส่วนชาวญี่ปุ่นเข้ามารักษามากสุด 18-20% รองลงมา คือ เมียนมา อังกฤษ ออสเตรเลีย และฝรั่งเศส โดยจำนวนผู้ป่วยชาวเมียนมาที่เข้ามาใช้บริการเติบโตเฉลี่ย 10-20% ขณะที่ชาวจีน ขยายตัวสูงปีละ 30%
"พฤติกรรมการเข้ามารักษาของผู้ป่วยต่างชาติเริ่มเปลี่ยนแปลงจากอดีต 90% ที่รักษาอาการกับโรงพยาบาลในไทย เป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานและอาศัยในไทย (Expat) แต่ปัจจุบันกลุ่มนี้มีประมาณ 70% อีก 30% เป็นกลุ่มเดินทางเข้ามาเพื่อรักษาที่ไทยโดยเฉพาะ สะท้อนการบริการและการรักษาพยาบาลในไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากขึ้น"
สำหรับรายได้และจำนวนผู้ป่วยของโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ที่ผ่านมา เติบโต 6% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่สูงกว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย
นพ.ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า ปีนี้ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตจากปีก่อน 8% จากโรงพยาบาลในเครือสมิติเวชรวม 6 แห่ง มีจำนวนกว่า 800 เตียง
“ถ้าเลือกได้ ก็ไม่อยากให้คนเจ็บป่วย หรือเป็นโรคต่างๆ แต่ถ้าเป็นโรคแล้วอยากรักษา ต้องนึกถึงนึกถึงสมิติเวช”
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการให้บริการรักษาสุขภาพ หรือ เฮลธ์แคร์ ในไทยเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มขยายตัวสูง พบว่าค่าใช้จ่ายของไทยเทียบสิงคโปร์ ต่ำกว่า 30- 40% เป็นโอกาสสำหรับธุรกิจในประเทศไทย แม้ในภาพรวมจะมีปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ขาดแคลนเทียบจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น และส่วนใหญ่กระจุกตัวในเขตเมือง
นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยันฮี กล่าวว่า ปีนี้ ยันฮี จัดสรรงบประมาณ 800 ล้านบาท สร้างอาคารใหม่ หลังที่ 3 ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกับโรงพยาบาลยันฮี เพื่อให้บริการผู้ป่วยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งลงทุนเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ใหม่
เชิงธุรกิจ โรงพยาบาลได้ปรับกลยุทธ์การทำตลาด เน้นนำเสนอโปรโมชั่นผ่าน "แพ็คเกจ" ต่างๆ เน้นแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้เข้ารับการรักษา สอดคล้องภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังเป็นปัจจัยท้าทายสำหรับธุรกิจในปีนี้
ในครึ่งปีหลัง ยันฮี จะเพิ่มการประชาสัมพันธ์ทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ สร้างการรับรู้ต่อแบรนด์และบริการ ผลักดันรายได้ปีนี้เติบโต 10% จากปีก่อน มีรายได้ 2,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เติบโต 5%