Daily Market Outlook (13 ต.ค.58)

คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้จากคาดการณ์ว่า ครม.จะอนุมัติมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ในต่างประเทศการที่ IMF เรียกร้องให้ธนาคารกลางขนาดใหญ่ประวิงเวลาการปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือลดการผ่อนคลายมาตรการทางการเงิน ถือเป็นการตอกย้ำการคาดการณ์ว่า Fed จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ อย่างไรก็ตามยังมีความไม่แน่นอนจากตัวเลขการค้าของจีนซึ่งจะมีการประกาศในวันนี้ ถ้าไม่ดีอาจกดดันตลาด


หุ้นเด่นวันนี้: SIRI (Bt1.78; NR; 15TP, Bloomberg Bt1.91)

หุ้นเด่นวันนี้ คือ SIRI ของบริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) โดยคาดว่าจะเป็นผู้หนึ่งที่จะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ครม.กำลังจะประกาศออกมา หลังจากเลื่อนมาจากหมายกำหนดการเดิม รายรับไตรมาส 2/15 พุ่งขึ้นถึง 65.5% มาอยู่ที่ 1.02 หมื่นล้านบาทในขณะที่กำไรสุทธิโตก้าวกระโดด 67.7% มาที่ 901.2 ล้านบาท ทั้งๆที่เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว ยอดขายในช่วงเวลาเดียวกันโต 60.1% มาที่ 9.4 พันล้านบาท แม้หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารที่เพิ่มขึ้นทำให้ธนาคารระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ แต่เนื่องจากลูกค้าของ SIRI อยู่ในระดับกลางถึงสูงจึงยังคงได้รับการพิจารณาปล่อยสินเชื่อให้จากธนาคาร จากการรวบรวมของ Bloomberg นักวิเคราะห์คาด EPS ของ SIRI ปีนี้จะอยู่ที่ 0.20 บาท ลดลงจากปีก่อนหน้า แต่อัตราผลตอบแทนเงินปันผลถือว่าสูงมากที่ 6.4% ถ้าบริษัทสามารถรักษาอัตรากำไร 8.4% และบรรลุเป้าหมายรายรับที่ 3.5 หมื่นล้าน สำหรับปีนี้กำไรสุทธิก็น่าจะไปอยู่ที่ 2.94 พันล้านบาท และ EPS เท่ากับ 0.21 บาท จะดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ทั้งนี้โครงการส่วนใหญ่ในไตรมาส 4/15 เป็นโครงการราคาสูง ดังนั้น อัตรากำไรก็น่าจะสูงตามไปด้วย บริษัทมีโครงการพร้อมโอนขณะนี้ 1.8 หมื่นล้านบาท ด้วยรายได้ครึ่งปีแรก 1.71 หมื่นล้านบาท SIRI น่าจะมี EPS 0.21 บาท โดยไม่ยากนัก ได้เกิดสัญญาณซื้อทั้งในรายวันและรายสัปดาห์ แล้วสะท้อนความแข็งแกร่งของการปรับตัวขึ้นของ SIRI หลังจากราคาหุ้นขึ้นมายืนอยู่เหนือ 1.74 บาทได้ คาดจะไปต่อสู่เป้าหมายแรก 1.82 บาทก่อนจะไปทดสอบ 1.89 บาท(แนวต้าน: 1.79, 1.81, 1.82; แนวรับ: 1.77, 1.76, 1.74)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• พิจารณาขยาย SET ด้วยสกุลเงินอื่น ประธาน ตลท. กล่าววานนี้ว่าเขาจะเข้าพบผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่เพื่อคุยเรื่องการอนุญาตให้นักลงทุนซื้อขายด้วยสกุลเงินอื่นนอกจากบาทได้ เช่น ดอลลาร์สหรัฐหรือหยวนเพื่อช่วยขยายมูลค่าตลาด SET (The Nation)

• ลงทุน 4G เงินสะพัด 1.3 ล้าน ลบ. กสทช.คาดว่าการประมูลคลื่น 4G ที่กำลังมาถึงน่าจะกระตุ้นการลงทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมได้ถึง 1.3 ล้าน ลบ.ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ตัวเลขนี้รวมค่าใบอนุญาตที่รัฐจะได้ใน พ.ย.นี้ คาดการณ์ที่ราว 7.3 หมื่น ลบ. (Bangkok Post)

• มาตราการอสังหาจะนำเข้า ครม. วันนี้ โดย ครม. จะพิจารณาถึงการอนุมัติมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและจำนองสำหรับบ้านที่มีมูลค่าไม่เกิน 3 ลบ. มาอยู่ที่ 0.01% จาก 2% สำหรับการโอนและ 1% สำหรับการจำนอง ในปัจจุบัน การปรับลดอัตราภาษีดังกล่าวจะบังคับใช้เพียงหกเดือน (Bangkok Post) ความเห็น: ภาคอสังหาริมทรัพย์ขณะนี้ถูกกดดันจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำและภาระหนี้ที่สูงขึ้น ทำให้ธนาคารปฏิเสธสินเชื่อบ้านถึง 60% จากปกติอยู่ที่ 20% ของผู้ขอกู้ ประธานสมาคมอาคารชุดไทยคาดว่ามาตรการจูงใจทางภาษีจะมีผลตั้งแต่เดือนนี้และส่งผลให้ตลาดบ้านโดยรวมขยายตัวได้ 20-30% ในไตรมาส 4/58 

• ค่าแท็กซี่ปรับขึ้น รมว.คมนาคม ในปีที่ผ่านมาได้อนุมัติการปรับขึ้นค่าแท็กซี่ทั้งหมด 13% โดยในส่วนแรกได้ปรับขึ้นแล้ว 8% ในเดือน ธ.ค.57 และผลสำรวจของผู้ใช้บริการยังพึงพอใจต่อการใช้บริการแท็กซี่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล สำหรับการปรับขึ้นอีก 5% ที่เหลือจะทำการปรับภายในปีนี้ (Bangkok Post)

• MONO (2.52 บ.) ผู้ผลิตและดำเนินงานดิจิตอลทีวีช่อง Mono29 มีแผนลงทุน 800-900 ลบ. เพื่อผลิตและซื้อลิขสิทธิ์รายการเพื่อกระตุ้นรายได้ของช่องให้เพิ่มขึ้นถึง 66% เป็น 1 พันลบ.ในปีหน้า จากเป้ารายได้ที่ 600 ลบ. ในปีนี้ ซึ่งช่องดังกล่าวได้รับการจัดอันดับเรทติ้งโดย AGB Nielsen อยู่ในอันดับที่ 5 จากทั้งหมด 27 ช่อง (Bangkok Post)  ความเห็น: ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงของอุตสาหกรรมทีวีไทยและเศรษฐกิจที่ยังชลอตัวทำให้ผลประกอบการของช่องยังไม่น่าจะพลิกฟื้นเป็นกำไรได้ในปีนี้

ต่างประเทศ:

• IMF กระตุ้นเฟด ธนาคารกลางยุโรปและญี่ปุ่น ให้รอสัญญาณการฟื้นตัวที่มากกว่านี้ก่อนดำเนินนโยบายทางการเงินแบบเข้มงวด นางคริสทีน ลาการ์ด ประธานเฟดยังคงขอร้องต่อนางเจเน็ต เยลเล็น ประธานเฟดให้ระงับความคิดดังกล่าว (Reuters)

• มีแรงกดดันต่อเงินดอลลาร์ จากการที่ตลาดมองว่ามีความเป็นไปได้ที่เฟดจะยังไม่เริ่มนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดในปีนี้ เงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.1% อยู่ที่ 1.1364 ดอลลาร์ และเงินเยนแข็งค่าขึ้น 0.2% อยู่ที่ 120 เยนเทียบกับเงินดอลลาร์ เงินหยวนจีนแข็งค่าขึ้น 6.3175 หยวนเทียบกับเงินดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นมากที่สุดนับแต่การลดค่าเงินหยวนในวันที่ 11 ส.ค. ดัชนีเงินดอลลาร์ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์อยู่ที่ 94.619 จุดเมื่อวันจันทร์ก่อนปิดที่ 94.955 จุด (Reuters)

• ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากจีน จีนจะประกาศข้อมูลทางการค้าประจำเดือนก.ย. ในวันนี้ จะมีรายงานภาวะเงินเฟ้อในวันพุธและตัวเลขจีดีพีในวันที่ 19 ต.ค.(Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีหุ้นในตลาดวอลล์สตรีทปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3/58 การที่หุ้นในกลุ่ม utilities ปรับตัวเพิ่มขึ้นช่วยชดเชยการถดถอยของหุ้นกลุ่มพลังงาน นักลงทุนมองไปที่คาดการณ์กำไรของบริษัทไตรมาส 3/58 ที่อยู่ในดัชนี S&P 500 ว่าจะลดลง 4.8% YoY จากข้อมูลของทอมสัน รอยเตอร์ส ซึ่งเป็นฤดูกาลการประกาศผลประกอบการที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 6 ปี (Reuters)

ยุโรป:

• ดัชนีหุ้นในยุโรปปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อวันจันทร์ การพุ่งขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานของเยอรมนีช่วยให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้สามารถอยู่ในระดับเกือบสูงสุดในรอบ 1 เดือน กระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีได้กล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่าผู้ประกอบการโรงงานพลังงานนิวเคลียร์มีเงินทุนสำรองเพียงพอที่จะจ่ายเป็นค่ารื้อถอนเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของประเทศ (Reuters)

เอเชีย:

• หุ้นจีนพุ่งมากกว่า 3% ทำจุดสูงสุดนับตั้งแต่ 21 ส.ค. หลังจากธนาคารกลางของจีน กล่าวว่ากำลังดำเนินมาตรการใหม่ในการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ และระบุว่าการปรับตัวลงของตลาดใกล้จะสิ้นสุดลงแล้วนอกจากนี้ แรงซื้อเข้ามาในช่วงก่อนการประชุมกำหนดแผนเศรษฐกิจ 5 ปี ครั้งที่ 13 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนปลายเดือนนี้ ที่คาดว่าน่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา (Reuters)

• จีนจะออก QE?PBOC แถลงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่ากำลังจะออกมาตรการใหม่ที่จะให้ธนาคารพาณิชย์กู้ยืมเงินธนาคารกลางได้โดยนำสินทรัพย์ที่มีคุณภาพสูงมาวางเป็นหลักประกัน(Reuters)

• พรรคคอมมิวนิสต์จีน จะจัดประชุมกำหนดแผน 5 ปี ครั้งที่ 13 ในระหว่าง 26-29 ต.ค. แผน 5 ปี จำกำหนดยุทธศาสตร์ในทุกด้านของจีน และจัดลำดับความสำคัญของการดำเนินการโดยจะมีเป้าหมายทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาของสังคม(Reuters)

• ตลาดการเงินญี่ปุ่นปิดเมื่อวันจันทร์ เนื่องในวันหยุดราชการ และจะเปิดในวันนี้(Reuters)


สินค้าโภคภัณฑ์:

• น้ำมันทรุดวันจันทร์ ลบกว่า 5%เพราะผู้ค้าขายทำกำไรหลังสัปดาห์ที่แล้วพุ่งไปแตะจุดสูงสุดรอบ 11 สัปดาห์ และจากรายงานว่าโอเปคยังคงกระตุ้นยอดการผลิตน้ำมันต่อไปแม้ว่าอุปทานจะยังล้นเกินอยู่ ทั้ง Brent และน้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าลดลงเป็น % มากที่สุดนับแต่เริ่มเดือน ก.ย. โดย Brent ปิดลง 2.79 ดอลลาร์เหลือ 49.86 ดอลลาร์สหรัฐต่อ WTI ลง 2.53 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)

• ทองขึ้นแตะจุดสูงสุดนับแต่ต้นเดือน ก.ค. เพราะการคาดการณ์ว่า Fed เลื่อนการขึ้นดอกเบี้ยไปหลังสิ้นปี กดดันค่าเงินดอลลาร์ลงไปแตะจุดต่ำสุดรอบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับตะกร้าเงินสกุลอื่น ทองคำตลาดจรปรับขึ้น 0.6% มาอยู่ที่ 1,163.96 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทองคำล่วงหน้าส่งมอบ ธ.ค. ปรับขึ้น 8.4% มาอยู่ที่ 1,164.50 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)