รัฐ-เอกชนหนุนซูเปอร์โฮลดิ้ง

นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ในฐานะซูเปอร์บอร์ด กล่าวในงานเสวนา “ซูเปอร์โฮลดิ้ง : ทางออกของประเทศในการพัฒนารัฐวิสาหกิจ เพื่อประโยชน์ชาติอย่างไร” ว่า รัฐวิสาหกิจของไทยมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วภายใน 10 ปีโตกว่า 3 เท่า การตั้งซูเปอร์โฮลดิ้ง เป้าหมาย คือ 1.บูรณาการทำงานให้สอดคล้องเป้าหมายรัฐวิสาหกิจแท้จริง 2.เกิดประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน 3.ดำเนินงานอย่างโปร่งใส ปราศจากการทุจริต และ 4.สร้างมูลค่าสูงสุดจากการดำเนินงาน พร้อมย้ำว่าประชาชนคือหัวใจของการดำเนินงาน กลไกสำคัญคือเปิดเผยข้อมูลแท้จริง ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการเปิดเผยข้อมูลมากกว่าบริษัทเอกชน คาดว่าจะไม่มีการแทรกแซง ซึ่งซูเปอร์โฮลดิ้งต้องค่อย ๆ วิเคราะห์และทำ

นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า คณะกรรมการกลางที่จะมาดูแลจะต้องเป็นผู้ทรงวุฒิและอาจจะคัดสรรจากข้าราชการเก่า ขั้นตอนการคัดเลือกต้องโปร่งใส โดยจะให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งกำหนดคุณสมบัติคณะกรรมการเองว่ามีความสามารถด้านใดเป็นพิเศษ ทำให้การทำงานง่ายขึ้น แม้ว่ากระทรวงการคลังโอนหุ้นทั้งหมดมาที่ซูเปอร์โฮลดิ้ง แต่อำนาจการตัดสินใจยังเป็นของคณะรัฐมนตรี คณะกรรมการซุปเปอร์โฮลดิ้งมีหน้าที่เพียงสร้างมูลค่าให้กับองค์กร ถ้ามีการแทรกแซงคณะกรรมการจะต้องรับผิดชอบเช่นเดียวกับบริษัทเอกชน โดยขณะนี้มีการร่างรายละเอียดประมาณร้อยละ 80-90 แต่ยังต้องมีการแก้ไขปรับปรุงค่อนข้างมาก รวมถึงกฎหมาย ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรก่อนเสนอ ครม.และผ่านการพิจารณาจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ย้ำว่าจะสร้างให้โตขึ้นไม่ใช่ทำลายรัฐวิสาหกิจ

นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า ซูเปอร์โฮลดิ้งถือเป็นองค์กรที่จะช่วยดูแลรัฐวิสาหกิจในการจัดทำแผน กำหนดทิศทาง นโยบายผู้ถือหุ้น คัดสรรกรรมการและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้เหมาะสมมากขึ้น ทั้งนี้ จะมีการประเมินผลงานของคณะกรรมการควบคู่กับการบริหารงานว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด ซูเปอร์โฮลดิ้งจะเน้นความโปร่งใสเป็นหลัก ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาดำเนินงาน เชื่อว่าจะเป็นการวางรากฐานพัฒนารัฐวิสาหกิจให้เติบโตต่อไปได้ในอนาคต