ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับคณะบุคคล (3)

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับคณะบุคคล (3)

ขอนำมาประเด็นการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร ตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 39) พ.ศ. 2557

ซึ่งกำหนดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2558 เป็นต้นไป เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล มาปุจฉา – วิสัชนา ต่อจากสัปดาห์ก่อนดังนี้

ปุจฉา มีหลักในการดำเนินการ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดการห้างหุ้นส่วนอย่างไร

วิสัชนา การดำเนินงานของห้างหุ้นส่วนสามัญ หมายถึง การที่ผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญดำเนินการจัดการห้างหุ้นส่วนสามัญ มีสิทธิหน้าที่ระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วน รวมทั้งมีความรับผิดต่อบุคคลภายนอกร่วมกัน แยกได้ดังนี้

การจัดการห้างหุ้นส่วนสามัญ หมายถึง ผู้เป็นหุ้นส่วนต่างก็มีหน้าที่ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผู้เป็นหุ้นส่วนย่อมจัดการห้างหุ้นส่วนสามัญนั้นได้ทุกคน โดยให้ถือว่าผู้เป็นหุ้นส่วนเป็น “ผู้จัดการ" ทุกคน และถ้ามีการตกลงให้ผู้เป็นหุ้นส่วนเพียงคนเดียวหรือหลายคนเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนสามัญ เรียกว่า “การจัดการโดยตรง” ผู้เป็นหุ้นส่วนที่ไม่ได้เป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนสามัญย่อมมีสิทธิที่จะไต่ถามถึงการทำงานของห้างหุ้นส่วนสามัญที่จัดการอยู่นั้นได้ทุกเมื่อ เรียกว่า “การดูแลครอบงำการจัดการห้างหุ้นส่วนสามัญ” (ป.พ.พ. มาตรา 1037)รวมทั้ง “จัดการโดยเสียงข้างมาก” หากได้มีการตกลงกันไว้ว่าการจัดการงานของห้างหุ้นส่วนสามัญให้เป็นไปตามเสียงข้างมากของผู้เป็นหุ้นส่วน ให้ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งมีเสียงเป็นคะแนนหนึ่งเสียงโดยไม่ต้องคำนึงจำนวนหุ้นที่ลงไว้ มากหรือน้อยเพียงใด (ป.พ.พ. มาตรา 1034)

ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนจะต้องร่วมมือร่วมใจกัน และไม่เอาเปรียบกันโดยต้องปฏิบัติต่อกัน ดังนี้

1. ห้ามมิให้ผู้เป็นหุ้นส่วนประกอบกิจการอย่างหนึ่งอย่างใด ซึ่งมีสภาพดุจเดียวกันและเป็นการแข่งขันกับกิจการห้างหุ้นส่วนสามัญ ไม่ว่าจะเพื่อประโยชน์ของจนหรือเพื่อประโยชน์ผู้อื่นโดยมิได้รับความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่น ๆ หากฝ่าฝืน ผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นชอบที่จะเรียกเอาผลกำไรซึ่งผู้นั้นหามาได้ทั้งหมด หรือเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนที่ทำให้ห้างหุ้นส่วนสามัญได้รับความเสียหายเพราะเหตุนั้นได้ (ป.พ.พ. มาตรา 1038)

2. ห้ามมิให้ชักนำเอาบุคคลอื่นเข้ามาเป็นหุ้นส่วน โดยมิได้รับความยินยอมของผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันทั้งหมดทุกคน เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น (ป.พ.พ. มาตรา 1040) กรณีห้างหุ้นส่วนมีความประสงค์ที่จะนำชื่อผู้ก่อตั้งคนหนึ่งออกไป แล้วนำชื่อคนใหม่เข้าไปแทนที่ นั้น โดยทั่วไปไม่มีข้อห้ามทางกฎหมาย หากผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนนั้น ยินยอมให้กระทำเช่นนั้นด้วยกันทุกคน ก็ย่อมเปลี่ยนแปลงผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญได้

3. ความเกี่ยวพันระหว่างผู้จัดการกับผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหลายให้ใช้กฎหมายเรื่องตัวแทนมาบังคับ (ป.พ.พ. มาตรา 1042)

4. การได้กำไรหรือขาดทุนของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน ย่อมเป็นไปตามส่วนที่ลงหุ้น (ป.พ.พ. มาตรา 1044)

5. ผู้เป็นหุ้นส่วนใดได้ออกจากผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญไปแล้ว แต่ห้างหุ้นส่วนสามัญยังใช้ชื่อของตนเป็นชื่อห้างหุ้นส่วนสามัญอยู่ ผู้เป็นหุ้นส่วนที่ออกไปนั้นจะขอให้งดใช้ชื่อของตนเสียก็ได้ (ป.พ.พ. มาตรา 1047)

6. ผู้เป็นหุ้นส่วนจะเรียกเอาส่วนของตนจากผู้เป็นหุ้นส่วนอื่น ๆ แม้ในกิจการค้าขายใด ๆ ซึ่งไม่ปรากฏชื่อของตนก็ได้ (ป.พ.พ. มาตรา 1048)

พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ