'แอร์เอเชีย'เล็งแชมป์บินในประเทศ

'แอร์เอเชีย'เล็งแชมป์บินในประเทศ

"ไทยแอร์เอเชีย" ประกาศรักษาแชมป์ส่วนแบ่งเส้นทางตลาดในประเทศ เล็งเปิดจุดบินครบทุกจังหวัดที่เครื่องลงได้

นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่าปี 2558 วางกลยุทธ์รักษาส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งเส้นทางบินในประเทศ ด้วยการขยายเส้นทางบินให้ครอบคลุมทุกจุดหมาย โดยตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ.จะเปิด 3 เส้นทางคือ จากกรุงเทพฯ สู่ น่าน เลย และร้อยเอ็ด ขณะที่อีก 3 จังหวัดที่สามารถรองรับเครื่องบินแอร์บัส เอ320 ได้ แต่ยังไม่มีเที่ยวบินลงได้แก่ ชุมพร ระนอง บุรีรัมย์ และรอการพัฒนาของจุดหมายที่น่าสนใจ แต่สนามบินยังไม่พร้อมให้บริการด้วย อาทิ อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งสนใจเข้าไปเปิดตลาด

ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2557 ไทยแอร์เอเชียมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดราว 30% อันดับ 2 นกแอร์ 27% อันดับ 3 การบินไทยรวมกับไทยสมายล์ 21% และบางกอกแอร์เวยส์ 16%

"นอกจากเปิดเส้นทางใหม่แล้ว แต่ละเส้นทางจะมีความถี่ 2 เที่ยวต่อวัน เพื่อให้ผู้โดยสารสะดวกในการมีเที่ยวบินเช้าและเย็นให้เลือก ทำให้ได้เปรียบด้านการแข่งขัน ต่างจากกลยุทธ์ก่อนหน้านี้ ที่จะเริ่มเปิดด้วยความถี่เที่ยวเดียวเท่านั้น การเปิดเส้นทางใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่แสวงหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ"

หั่นเป้าตัวเลขผู้โดยสารปี57

สำหรับสถานการณ์ปีนี้ธุรกิจการบินได้รับผลกระทบจากการเมืองในประเทศ รวมถึงกฎอัยการศึกที่ยังมีผลบังคับใช้ถึงปัจจุบัน ทำให้มีการปรับลดเป้าหมายผู้โดยสารจากเดิม 13.6 ล้านคน เหลือ 12.1 ล้านคน หรือเติบโตราว 16% เทียบปี 2556 ที่มีผู้โดยสารราว 10.5 ล้านคน ขณะที่อัตราบรรทุกเฉลี่ยอยู่ที่ 80% ต่ำกว่าปีก่อนที่มีอัตรา 83% และเป็นครั้งแรกที่อัตราการเติบโตของผู้โดยสารอยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราการเพิ่มที่นั่งซึ่งอยู่ราว 18% จากการเพิ่มฝูงบินอีก 5 ลำ ซึ่งปรับลดลงจากเดิมที่วางแผนไว้ 8 ลำ จากผลกระทบการเมืองในครึ่งปีแรก คาดว่ามีกำไรไม่ถึง 200 ล้านบาท ลดจากปีก่อน 10 เท่า ซึ่งทำไว้ราว 1,960 ล้านบาท

ส่วนเป้าหมายปี 2558 คาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะอยู่ที่ 14.5 ล้านคน อัตราบรรทุกเฉลี่ยกลับมาอยู่ที่ 83% โดยจะรับฝูงบินเพิ่มอีก 5 ลำ แบ่งเป็นช่วงปลายเดือน ม.ค. 2 ลำ และปลายปีอีก 3 ลำ คิดเป็นที่นั่งเพิ่มเข้ามาอีกราว 13% โดยราคาน้ำมันที่ลดต่อเนื่องจะส่งผลดีต่อการบริหารต้นทุนที่ลดลงได้ในราวไตรมาสแรกปีหน้าเป็นต้นไป เนื่องจากปัจจุบันที่นั่งส่วนใหญ่มาจากการขายล่วงหน้าและหากมีการปรับลดราคาน้ำมันต่อเนื่อง จะพิจารณาลดภาษีน้ำมันให้กับผู้โดยสารเส้นทางต่างประเทศที่เก็บอยู่ราว 600-700 บาท ส่วนเส้นทางในประเทศไม่มีผลใดๆ เนื่องจากไม่เก็บภาษีน้ำมันอยู่แล้ว

เล็งขยายเส้นทางจีน-อาเซียน

นอกจากนั้นคาดว่าปีหน้าตลาดต่างประเทศจะเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะจีนที่กลับมาตั้งแต่ปลายปีนี้ จึงเตรียมศึกษาโอกาสเปิดเส้นทางในจีนเพิ่มขึ้น อาทิ ซัวเถา, เสิ่นหยาง, หนานหนิง และอาจเปิดเส้นทางเซียะเหมินใหม่ ซึ่งเมืองระดับรองๆ ดังกล่าว แม้จะมีประชากรไม่หนาแน่นแต่มีกำลังซื้อน่าสนใจ ส่วนอาเซียน สนใจเส้นทางพุกาม พม่า แต่สนามบินยังไม่พร้อม เช่นเกียวกับ ดานัง และดาลัด ของเวียดนาม ที่ยังไม่มีโรงแรม 5 ดาวรองรับเพียงพอ และอาจพิจารณาบินเข้าเมืองสีหนุวิลล์ ของกัมพูชาอีกด้วย

ส่วนการเปิดเส้นทางในประเทศใหม่ๆ นั้น จะต้องนำปัจจัยการเมืองมาพิจารณาประกอบด้วย เพราะหากยังมีกฎอัยการศึก มีความเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือประเทศหลักอย่างสิงคโปร์ ฮ่องกง ยังไม่ยกเลิกการเตือนเดินทางมาไทย อาจขยายเส้นทางจากฮับการบินที่มีอยู่อีก 3 จุดคือ ภูเก็ต กระบี่ และเชียงใหม่ แทนการบินออกจากกรุงเทพฯ ไปก่อน เนื่องจากเห็นแนวโน้มการบินระหว่างจังหวัดที่ขยายตัวมากขึ้น อาทิ เชียงใหม่-สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นเส้นทางที่สามารถส่งต่อนักท่องเที่ยวจากจีนลงไปทางภาคใต้ เนื่องจากปัจจุบันฮับที่เชียงใหม่มีเส้นทางเชื่อมกับจีนอยู่แล้ว

ทั้งนี้ หากขยายฝูงบินครบ 5 ลำในปีหน้า ไทยแอร์เอเชียจะมีฝูงบินรวม 45 ลำ ขณะที่ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ซึ่งเป็นโลว์คอสต์เส้นทางบินระยะไกล ปัจจุบันมีเครื่องบินอยู่ 2 ลำ และจะรับเพิ่มอีก 4 ลำ

กรณีที่อาจมีการตรวจสอบการกำหนดราคาตั๋วโดยสารสายการบินโลว์คอสต์ต่ำเกินจริงนั้น ยืนยันได้ว่าไม่มีการตั้งราคาต่ำหมดทุกที่นั่ง เพราะเครื่องบินมีต้นทุนที่สูง ทำให้ไม่สามารถทำราคาต่ำเท่ารถทัวร์ ยกเว้นรถทัวร์ระดับพรีเมียมที่ราคาอาจมีราคาใกล้เคียงกันบางช่วง

ส่วนกรณีที่ตนได้ซื้อหุ้นของไทยแอร์เอเชีย (AAV) จากผู้บริหารคนอื่น จนมีสัดส่วนถือหุ้นสูงสุด 44% นั้น เพื่อทำให้การตัดสินใจและบริหารงานเป็นไปอย่างคล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะในภาวะที่การแข่งขันสูงขึ้นและกำลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่ต้องมีการบริหารอย่างรวดเร็ว