สิงห์อัด300ล.ผุดรง.สาหร่ายปั๊มยอดผลิต2เท่า

นายภูริต ภิรมย์ภักดี ผู้อำนวยการสายการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ นอน-แอลกอฮอล์ บริษัทสิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดผลิตภัณฑ์นอน-แอลกอฮอล์ทุกรายการ โดยเฉพาะสินค้าที่มีศักยภาพและโอกาสทางการตลาดสูงไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่ม และกลุ่มขนมขบเคี้ยว (สแน็ก) เพราะอัตราเติบโตสูงถึง 200% ซึ่งแนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายบริษัทที่จะเพิ่มสัดส่วนยอดขายจากธุรกิจนอนแอลกอฮอล์ให้มีสัดส่วน 30% ภายใน 5 ปี(2555-2559) จากปัจจุบันมีสัดส่วน 15%

ล่าสุดบริษัททุ่มงบลงทุน 300 ล้านบาท สร้างโรงงานสแน็กแห่งใหม่ที่นวนคร จังหวัดปทุมธานี เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตสาหร่ายมาชิตะอีก 1 แสนลังต่อเดือน จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตประมาณ 1 แสนลังต่อเดือน ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ส่งผลให้ปีที่ผ่านมาบริษัทเสียโอกาสทางการตลาด และสร้างยอดขายเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดไปประมาณ 15%

ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวอยู่ระหว่างการออกแบบและคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปลายปีนี้ ระหว่างที่โรงงานใหม่ยังไม่แล้วเสร็จ ยังมีแผนจะจ้างผลิตสินค้าเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ ส่วนพื้นที่โรงงานนั้นจะแบ่งการลงทุนเป็น 2 เฟส เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดและการเติบโตในอนานคต

“ที่ผ่านมาเรามีข้อจำกัดด้านโรงงานทำให้มีสินค้าเข้าทำตลาดน้อย ส่งผลให้มาชิตะมีมาร์เก็ตแชร์ในตลาดสแน็กประเภทสาหร่ายประมาณ 15% เท่านั้น ทั้งที่เราคาดการณ์ว่าจะครองส่วนแบ่งตลาดได้มากกว่านี้หรืออยู่ที่ระดับ 30% แต่เมื่อมีสินค้าไม่พอทำให้สูญเสียโอกาสทางการตลาด แต่ปีนี้บริษัทได้ทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้นด้วยการทุ่มงบ 120 ล้านบาท ทำตลาดมาชิตะทั้งปี พร้อมเปิดตัวสินค้า 2 รสชาติใหม่ รสซอสเกาหลีและรสหมึกย่างเกาหลีสามรส ซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันให้สิ้นปีมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มเป็น 30-35%” นายภูริต กล่าว

ขณะที่ตลาดรวมสแน็กประเภทสาหร่ายมีอัตราเติบโต 40% คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,800 ล้านบาท แบ่งเป็นแบบทอด 70% อบ 20% ย่าง 8% และเทมปุระ 1.5% โดยผู้นำตลาดยังคงเป็นเถ้าแก่น้อยครองส่วนแบ่งราว 60% ตามด้วยมาชิตะ 15% ซีลีโกะ 9% และโอโนริ 8% ส่วนแนวโน้มตลาดปีนี้คาดว่า ยังเติบโตต่อเนื่องเพราะมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่ม

นายภูริต กล่าวอีกว่า ในอนาคตบริษัทมีแผนจะขยายไลน์สินค้า "กลุ่มขนมขึ้นรูป" หลังจากปีที่ผ่านมาทุ่มงบ 250 ล้านบาท ซื้อโรงงานขนมขบเคี้ยวมาอยู่ในพอร์ต อย่างไรก็ตาม จากแผนธุรกิจดังกล่าวบริษัทคาดว่าจะผลักดันยอดขายรวมธุรกิจนอน-แอลกอฮอล์ให้เติบโตไม่ต่ำกว่า10% จากปีก่อน