GLOW : ขาย

GLOW มีปัจจัยบวกจากการเริ่มเดินเครื่องโรงไฟฟ้าถ่านหิน (GHECO) 660 เมกะวัตต์ (เริ่มดำเนินการผลิตตั้งแต่ 18 ส.ค. 55) และ Margin ที่ดีขึ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า Co-gen จากการทยอยปรับเพิ่มค่า Ft ระหว่างปี 2555 อย่างไรก็ตามผลประกอบการ 4Q55 อ่อนตัวลง 20% QoQ เป็นผลมาจากการขายไฟฟ้าให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่ลดลง รวมทั้งการหยุดซ่อมโรงไฟฟ้า CFB หน่วย 2 ในช่วงเดือน พ.ย. 55 ทำให้บริษัทมีต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากการปรับใช้ก๊าซฯเพิ่มทดแทน อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิ 4Q55 ดีกว่าที่เราประมาณการเบื้องต้นและทำให้กำไรสุทธิทั้งปี 2555 ดีกว่าที่เราคาด 6%

การเติบโตของกำไรสุทธิปี 56 ยังคงมาจากการรับรู้รายได้จาก GHECO-One

การเติบโตของผลประกอบการปี 2556 มีแนวโน้มดีกว่าคาดจาก Margin ของกลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้า Co-gen เพิ่มขึ้น จากการปรับเพิ่มค่า Ft ขณะที่ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซฯ ปรับเพิ่มน้อยกว่าที่เรากังวลไว้ก่อนหน้านี้ สะท้อนจาก Margin ของธุรกิจที่เพิ่มขึ้นใน 4Q55 ที่ผ่านมา ทำให้เราปรับกำไรสุทธิปี 2556 เพิ่ม 10% เป็น 8,319 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52% YoY โดยการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิอย่างมีนัยสำคัญ ยังคงมาการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน (GHECO-One)

ราคาหุ้นปรับเพิ่ม ทำให้ความน่าสนใจในเงินปันผลลดลง

ก่อนหน้านี้ GLOW ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.81 บาท ทำให้เหลือเงินปันผล 2H55 อีก 1.3 บาท (จากการคำนวณอัตราการเติบโตของเงินปันผล 5% จากปีที่ผ่านมา) ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 1.7% เรามองว่าแม้เงินปันผลในปี 2556 จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.22 บาทต่อหุ้น ตามการเติบโตของแนวโน้มผลประกอบการปี 2556 แต่ราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นมามากทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลมีเพียง 3.7% เท่านั้น

คงคำแนะนำ “ขาย” หลังราคาหุ้นสะท้อนผลประกอบการที่เติบโต

เราปรับวิธีการประเมินมูลค่าเหมาะสมจาก DCF เป็น Theoretical PER ที่ 13.2 เท่า ให้มูลค่าเหมาะสมที่ 75 บาท แม้เราจะปรับประมาณการปี 2556 เพิ่ม แต่เรายังคงแนะนำ “ขาย” เช่นเดิม หลังราคาหุ้นปรับเพิ่มกว่า 27% ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นการสะท้อนแนวโน้มผลประกอบการปี 2556 ที่เติบโตโดดเด่นกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้าในประเทศ รวมทั้งกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าในประเทศมีประเด็นที่น่าสนใจในการลงทุนจากการเปิดประมูลโรงไฟฟ้า ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มธุรกิจปรับตัวเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมา